โพสต์โดย amijung
amijung
amijung ยังไม่ได้ตั้งค่าประวัติส่วนตัว
สมาชิกยังไม่ได้ออนไลน์
เมื่อ อาทิตย์, 28 ตุลาคม 2012
ใน บันทึกลูกรัก
เรื่องคุยของลูกตอนที่20 เที่ยวแบบคาราวานไปทำบุญที่ จ.อุทัยธานี
กลับมาเล่าต่อสำหรับวันที่ 2 ที่เราตั้งใจว่าจะมาร่วมทำบุญเททองหล่อองค์พระประธานที่วัดหนองไผ่แดง อ.บ้านไร่ จ.อุทัยธานี กับเหล่าคาราวาน คุณลุงคุณป้าที่ี่เป็นเพื่อนๆกับคุณป้าของลูกสาวทั้งสองของดิฉัน. หลังจากเมื่อวานไปพักที่โรงแรมในอำเภอด่านช้าง นอนหลับเป็นตายเพราะเหนื่อยมากๆ ขนาดนั่งรถอย่างเดียว(แต่มีสองลิงที่ชิงกันคอยจะมานั่งตัก หนุนนอนหรือให้กอดตลอดเวลา เหมือนลูกลิงเกิดใหม่ยังไงยังงั้น. อ้อนซะ...). งานนี้เลยเหนื่อยกายและเหนื่อยใจเพราะต่างก็ง้อนกันไปง้อนกันมาตามประสาของ พี่น้องสองสาว มีว่ากันไปมาแต่ว่าขอโทษเถอะค่ะ ไม่เกินห้านาทีก็กลับมาหัวเราะคุยกันดีเหมือนเดิม เสียงดังทั้งตอนที่ทะเลาะและเล่นสนุกตลอดเวลา. คุณลุงกับคุณป้ายังไม่มีลูกเลยยังชอบอกชอบใจเด็กๆช่างคุย แต่สงสัยถ้าอยู่ด้วยกันตลอดท่าทางจะแย่งกันคุยเองซะมากกว่า
ขบวนรถคาราวานออกเดินทางไปถึงวัดประมาณ11 โมงกว่า มีชาวบ้านและคนจากหลายๆที่มาร่วมทำบุญเยอะมาก ไม่คิดว่าจะเป็นงานใหญ่เลย ที่นั่นมีเต้นท์สำหรับเลี้ยงอาหารและเครื่องดื่มต่างๆ จากผู้สนับสนุนหลายสิบเต้นท์ ทั้งเต้นท์ที่ทำพิธีอีกหลายจุดให้ชาวบ้านที่มาร่วมงานได้นั่งสวดมนต์กันอีก. อากาศวันนั้นช่วงใกล้เที่ยงร้อนมากๆ เรียกได้ว่าตัวแทบจะละลายได้เลย. แต่น่าแปลกหลังจากเริ่มมีพิธีการสวดเททองหล่อพระ ก็เริ่มมีลม มีเมฆครึ้มมาบังคลายร้อนไปได้มากเลยจนเสร็จพิธี. ชาวบ้านก็ต่างมารับน้ำพระพุทธมนต์ที่เจ้าคณะต่างๆมาสวดทำพิธีจนน้ำมนต์ไม่พอประพรมให้กับญาติโยม. แม้กระทั่งดิฉันเองก็ยังไม่ทันเลยค่ะ. นี่เป็นครั้งแรกสำหรับงานทำบุญแบบนี้ที่ลูกสาวทั้งสองจะต้องเงียบๆไม่คุย. ไม่ส่งเสียงดังเพราะว่าทำพิธีที่สำคัญและเป็นพิธีการที่สวดยาวนานมากตั้งแต่เที่ยงมาเสร็จพิธีการเกือบบ่ายสามโมง นับว่าอดทนนั่งอยู่กับที่ไม่ไปไหนได้นานมากสำหรับเด็กๆ งานนี้ช่างเรียบร้อยดีแท้ๆ(ลืมบอกไปว่าเป็นฝ่ายเจ้าภาพที่เททองหล่อพระ เค้าให้แต่งชุดขาวด้วย สองสาวของดิฉันก็แต่งชุดขาวเหมือนกันแต่ว่าขอโทษเถอะค่ะ มีแต่รอยเปื้อนขนมหวาน ไอติม น้ำเก๊กฮวยเลอะเต็มไปหมดโดยเฉพาะสาวยูริ ผู้มีความสุขกับการกินแต่ไม่อ้วนแฮะ).
สำหรับคนต่างจังหวัดคงจะชินและคุ้นเคยกับการทำบุญแบบต่างๆ แต่วิถีคนเมืองอย่างครอบครัวดิฉัน มีโอกาสน้อยนักที่จะได้สัมผัสการทำบุญแบบที่ต้องร่วมมือร่วมใจกันแบบนี้. ครั้งนี้ยูริกับเอมิได้เห็นประรำพิธี มีบายศรีที่ทำสวยมากๆเป็นชั้นๆสูง พวกเราอดที่จะถ่ายภาพเก็บไว้ไม่ได้ แต่ชาวบ้านเค้าก็คงจะมองดูว่าเป็นเรื่องธรรมดานะค่ะ ส่วนใหญ่จะเห็นว่าชาวบ้านก็ต่างเก็บผลไม้ที่ถวายในพิธีเอากลับไปทานกันคิดว่าน่าจะเป็นประเพณีที่ทำๆกันมาล่ะมั้ง ส่วนเราขอถ่ายรูปอย่างเดียว
ประสบการณ์ที่มาเททองหล่อพระครั้งนี้ ทำให้ได้สอนลูกเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์และความเชื่อทางพระพุทธศาสนา เวลาที่ดิฉันพาสองสาวไปเที่ยวที่ไหนก็ตามเอมิมักจะถามเสมอว่าเรามาทำอะไร และที่นี่มีอะไรให้ทำบ้างอยู่เสมอ. จึงเป็นเรื่องง่ายสำหรับการเติมเต็มความอยากรู้ว่าในโลกนี้มันมีมุมต่างๆมากมายให้ได้เรียนรู้. อย่างเรื่องเททองหล่อพระดิฉันก็ไม่เคยได้เห็นของจริงมาก่อน แต่พอมาเห็นที่นี่ตั้งแต่เค้า ก่ออิฐกันไฟและเตรียมบ่อเตรียมเบ้า การใช้ความร้อนหลอมแผ่นทองให้ละลายและมีการยกเทลงแบบพิมพ์ตามพิธีการก็ทำให้ได้เจอประสบการณ์จริงเรื่องการเปลี่ยนสถานะของสสาร ทั้งเรื่องวิธีการและวัสดุอุปกรณ์และเรื่องความระมัดระวังเกี่ยวกับการทำงานของฝ่ายช่างหล่อที่มาทำพิธีการด้วยว่าเค้าทำงานกันอย่างไร เพราะตำแหน่งที่นั่งอยู่ไม่ไกลจากด้านหน้าพิธีมากนักจึงทำให้เห็นเกือบทุกอย่าง อยู่ใกล้มากก็ร้อนมากเป็นธรรมดา. นึกถึงเมื่อปิดเทอมที่แล้วที่ดิฉันเอาเอมิไปฝากให้พี่สาวของดิฉันช่วยดูแลที่โรงงานแก้วด้วย เอมิมีโอกาสไปดูการทำงาน ดูวิธีการเป่าแก้วด้วย ได้ช่วยล้างแก้วที่ทำเสร็จแล้วรอคัดเกรดด้วย. เอมิบอกว่าสนุกมากแต่ร้อนสุดๆเหงื่อแตกสุดๆ. กลับมาก็เพลียหลับไปเลย(ตอนที่ดิฉันต้องไปเฝ้ายูริเรียนพิเศษที่โรงเรียนกวดวิชาทั้งวัน ถ้าเอมินั่งรอด้วยอย่างเดียวคงเบื่อแย่ เลยจ่ายโจทย์ให้ลูกไปหาคำตอบเรื่องวิธีการผลิตแก้วที่โรงงานแก้วของคุณป้าซะเลย. ไปช่วยงานเป็นสัปดาห์ตัวดำเชียวแหละ). สำหรับเด็กที่พลังเยอะอย่างเอมิชอบนักที่ได้ลงมือทำ แต่อย่าถามมากเวลาที่เหนื่อยกับกำลังง่วงนอน ไม่มีอารมณ์ใดๆทั้งสิ้น
สำหรับยูรินับว่าเป็นเรื่องของการฝึกความอดทนล้วนๆเพราะเธอเป็นประเภทคุณหนู(จอมเลอะและซุ่มซ่าม). ทนร้อนไม่ค่อยได้ รอนานก็ไม่ค่อยชอบ อยากเล่นสนุกอยู่ตลอดเวลา ชอบมาแกล้งแหย่พี่เอมิกับคุณแม่เป็นระยะๆ แต่คราวนี้อดทนนั่งได้นานถึงจะบ่นร้อนมากแต่ไม่ลุกหนีไปไหนแค่นี้นับว่าโอเคแล้ว ส่วนคำถามที่ชวนสงสัยก็คือ เส้นด้ายที่มัดกลมผูกลอยไปลอยมาอยู่บนศีรษะคืออะไร (ลูกไม่รู้ว่ามันคือสายสิญจ์). ที่เค้าใช้ในพิธีการเหมือนเป็นการรวมจิตรวมใจศรัทธาจากประชาชนชาวบ้านที่มาร่วมงานทั้งหมดในการหล่อองค์พระประธาน แรกๆก็เอามาพันฝ่ามือเหมือนที่พวกผู้ใหญ่ในงานเค้าทำกัน ซักพักต่อมาเปลี่ยนมาพันนิ้วแต่ละนิ้ว นานๆเข้าเอามาพันหู หันไปดูอีกทีเอาไปพันไว้กับไม้ไอติมที่เก็บไว้เมื่อตอนทานข้าวกลางวัน. รีบบอกให้หยุดเลยเพราะว่าไม่สุภาพและไม่ควรทำ เลยรู้ว่าอะไรทำได้หรือไม่ได้ บางทีบางอย่างบางเรื่องเด็กๆเค้าก็ไม่รู้เรื่องจริงๆ เราเป็นผู้ใหญ่กว่าก็ต้องช่วยกันบอกกันสอน. ไม่ว่าเค้าจะเป็นลูกหรือไม่เป็นลูกของเราก็ตามที. ยูริชอบทำบุญ แต่ความหมายของการทำบุญของยูรินั้นยังอยู่ในวงแคบว่า ทำบุญคือการบริจาคหยอดเงินใส่ตู้บริจาคกับตักบาตรพระตามโอกาสเท่านั้น เค้ายังไม่มีโอกาสได้ทำบุญแบบอื่นเลย ซึ่งโอกาสที่จะได้ทำบุญของสองสาวนั้นมักจะเป็นงานใหญ่ๆไปเลยอย่างเมื่อสองปีกว่าที่ผ่านมาเคยลงทุนพานั่งเครื่องบินไปอุดร (เพราะยูริเมารถสุดๆ) เพื่อไปร่วมงานทำบุญมหากฐินที่บ้านคุณป้าคนที่สามของสองสาว งานนั้นใหญ่มากมีขบวนแห่พระไปรอบเมืองและรวบรวมเงินทำบุญจากชาวบ้านในตัวอำเภอด้วย ไปร่วมขบวนแห่ทุกขั้นตอนเลย (สองสาวชอบมากที่ได้ทำบุญ)
ส่วนเมื่อปีถัดมา ก็ไปทำบุญสร้างพระอุโบสถ ยกช่อฟ้ากันด้วย นั่นก็เพิ่งเคยมีโอกาสได้ไปช่วยกันดึงเชือกผ่านรอกยกช่อฟ้าขึ้นไปบนยอดพระอุโบสถเหมือนกัน. ยูริกับเอมิเลยมีโอกาสดีๆไปร่วมงานบุญอยู่ทุกปีเลย. อดนึกไม่ได้ว่าหรือจะเป็นเพราะ วันที่ยูริเกิดในปีนั้น. ตามปฏิทินจีนแล้วตรงกับวันเกิดเจ้าแม่กวนอิม และตรงกับวันจักรีด้วย. (ซึ่งเป็นวันที่ดีมากเลย ๆ) เคยสังเกตหลายครั้งเวลาคุยกับลูกสาวสองคน. สไตล์เรื่องการคุยจะแตกต่างกันค่อนข้างมากถ้าได้คุยแบบสองต่อสองหรือให้เค้าถามในเรื่องที่สงสัย เอมิจะถามเรื่องความรู้ หลักการ อะไรที่เป็นเหตุเป็นผล. แต่ยูริจะถามอะไรหรือคุยอะไรเกี่ยวกับนามธรรม. อย่างเช่น จำได้ว่าตอนอายุ 3ขวบ อยู่ๆ ยูริ ก็ชวนคุยเรื่อง พุทธศาสนาว่า. เราเกิดมาทำไม เราไม่เกิดได้หรือไม่. ถ้าเราไม่เกิดพ่อแม่จะเป็นอย่างไร. เฮ้ย! ถามแบบผู้ใหญ่เลย. หรือ. เมื่อตอนที่ดิฉันทุกข์ใจเสียใจร้องไห้กับการสูญเสียคุณแม่ และคุณพ่อในเวลาใกล้เคียงกัน. ก็มียูริที่เข้ามากอดมาเช็ดน้ำตา. และพูดว่าคิดถึงคุณยาย หรือ อากงที่เสียไปแถมยังฝันถึงอีกด้วย. หรือเวลา. ยูริไปเจอศาลพระภูมิ หรือพระพุทธรูปที่ไหนก็ต้องรีบวิ่งไปไหว้ก่อนทุกทีเลย ไม่ว่าสถานที่นั้นจะเป็นบ้านใคร โรงเรียน หรือแม้แต่ศาลพระภูมิเจ้าที่ของสถานที่ท่องเที่ยวที่ไหนก็ไหว้หมดเลย. ซึ่งโดยปกติแล้วคนธรรมดาทั่วไปเค้าก็จะไหว้เฉพาะศาลที่ตนเองนับถือศรัทธาเท่านั้น. แต่ยูริขอตัววิ่งไปไหว้ใกล้ๆก่อนเลย.
เสร็จจากงานบุญที่จ.อุทัยธานี. คณะคาราวานของพวกเราก็ขับต่อไปที่เขื่อนศรีนครินทร์ จ. กาญจนบุรี ไปถึงก็ประมาณ 6 โมงเย็น. เข้าพักห้องพักของเขื่อนชื่อบ้านไพฑูรย์ จองเอาไว้เกือบยี่สิบห้องเรียกได้ว่าเหมาเกือบหมดทั้งฝั่งของตึกนั้น. พี่คนที่ทำเรื่องจองห้องพักของที่เขื่อนบอกว่าจองล่วงหน้าตั้ง สองเดือนถึงจะได้บ้านพัก บรรยากาศโดยรอบเป็นธรรมชาติมากๆ. ห้องพักที่จองไว้หันหน้าเข้าหาบริเวณเขื่อน. วิวจึงสวยมากพอดีได้พักชั้นบนเลยมองวิวได้ไกลอีกนิด. อดอิจฉาเจ้าหน้าที่ที่ได้ทำงานกับธรรมชาติแบบนี้ ได้สูดอากาศดีๆ. ไม่ต้องเจอมลพิษอย่างพวกเราคนเมือง.
ที่นี่ ถึงแดดจะร้อนแต่ก็มีลมพัดโชยมาเป็นระยะๆ การตกแต่งสถานที่รอบๆยังมีบางจุดที่ยังไม่เสร็จเรียบร้อยเพราะมีการซ่อมแซมห้องอาหารตรงบริเวณใกล้ๆกับห้องพัก. และต้นไม้ดอกไม้ก็เพิ่งจะถูกนำมาลงปลูกใหม่อยู่หลายจุด ดิฉันคิดว่าคงจะเตรียมพร้อมสำหรับนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาเยอะในช่วงปลายปีและต้นปีใหม่แน่ๆ ถึงตอนนั้นต้นไม้และดอกไม้คงจะบานสะพรั่งมากกว่านี้อีก. กลางคืนที่ผ่านมาเราสามคนแม่ลูกหลับสบายมากเลยแม้ว่าจะมีพวกแมลงจำนวนมากมาคอยก่อกวนนิดหน่อย แต่ด้วยความเพลียขอนอนก่อนดีกว่าพรุ่งนี้จะได้ไปเที่ยวต่อ แต่ยังไงก็ตามต้องเล่านิทานก่อนนอนสองเรื่องให้สองสาวฟังก่อนจึงจะยอมนอนได้. เดี๋ยวพรุุ่งนี้มาเล่าต่อว่าไปไหนกันต่อบ้างนะค่ะ
คำค้นหา: ไม่ระบุคำค้นหา