โพสต์โดย amijung
amijung
amijung ยังไม่ได้ตั้งค่าประวัติส่วนตัว
สมาชิกยังไม่ได้ออนไลน์
เมื่อ ศุกร์, 02 พฤศจิกายน 2012
ใน บันทึกลูกรัก
เรื่องคุยของลูกตอนที่21 เที่ยวคาราวานไปกันต่อในกาญจนบุรี
เมื่อวานได้พักหลับแบบสนิทมากๆเลยในบ้านพักของเขื่อนศรีนครินทร์ จ.กาญจนบุรี ตื่นมาแอบดูบรรยากาศยามเช้า สดชื่นอากาศดีมากๆ เสียงเจ้าหน้าที่คนสวนกำลังตัดแต่งต้นไม้และสวนใกล้ๆกับที่พักปลุกให้ลูกลิงสองสาวของดิฉันตื่นมาดูบรรยากาศตอนเช้าด้วย คุณลุงทัตซึมิไปออกรอบเล่นกอล์ฟกับเพื่อนๆของคุณป้าสองสาวตั้งแต่ก่อน6โมงเช้า. ส่วนคุณป้าเธอไม่ชอบเล่นเลยรออยู่ในบ้านพักดีกว่า. พวกเราสาวๆ(หมายถึงสาวแก่กับเด็กอีกสองคน) เลย ออกไปเดินถ่ายรูปบริเวณบ้านพัก และขับรถออกไปตรงตลาดของเขื่อนศรีนครินทร์ อาหารที่นั่นราคาไม่แพงมาก มีร้านอาหารตามสั่งให้เลือกหลายร้านเลย แวะเดินดูและนั่งดื่มกาแฟกันแบบไม่รีบร้อน สายๆพอเหล่าก๊วนนักกอล์ฟพากันกลับจากการออกรอบที่สนามกอล์ฟของเขื่อนก็ ไปแวะทานข้าวกลางวันที่ร้านอาหารของ เขื่อนซึ่งกำลังซ่อมแซมและตกแต่งเพิ่มเติมอยู่ยังไม่เสร็จ อาหารที่ลูกทานได้ง่ายก็ไม่พ้น เมนูข้าวไข่เขียว กินได้ทุกมื้อเลย อยู่ชมบรรยากาศและขับรถแถวเขื่อนอยู่ไม่นานก็เช็คเอ้าท์. พอดีต้องเอากุญแจไปคืนที่สำนักงาน แต่ว่าหลงทางไปหน่อย แวะถาม รปภ. เลยได้ผ่านทางพิเศษขับผ่านตัวสันเขื่อนไปเลย(ซึ่งปกติจะห้ามเข้า แต่ถ้าให้ย้อนกลับไปทางใหม่ก็หลายกิโลอยู่). เราเลยได้เห็นวิวแบบภาพเขื่อนเต็มๆ ตา ไม่ได้ถ่ายรูปแต่ประทับไว้ในภาพของความทรงจำว่า วิวของเขื่อนที่นี่สวยขนาดไหน. (รปภ.บอกห้ามหยุดจอดรถที่สันเขื่อนทางที่ให้ผ่านเด็ดขาด). ขับรถออกจากเขื่อนศรีนครินทร์แล้ว. หลายครอบครัวก็เริ่มสลายตัวเพราะว่าวันจันทร์มีงานต้องทำกันต่อ. ส่วนคนที่สามารถหนีงาน เอ๊ย ฝากงานให้คนอื่นดูแลได้ก็อยู่เที่ยวต่อ. แวะร้านอาหารริมทางที่มีชื่อการันตีความอร่อยสองสามร้านทั้งไส้อั่ว ไอติมกะทิสด กาแฟคั่วสด. จากนั้นขับรถหาที่พักสำหรับตอนเย็นโดยใช้วิธีขับรถหาไปเรื่อยๆ. ช่วงหลังนี้ไม่มีการเร่งรีบใดๆ เพราะเที่ยวแบบคนน้อยแล้วเหลือประมาณ6 ครอบครัว. มีรีสอร์ทให้เลือกเยอะมากๆ. แต่ปัญหาคือ ถ้าไม่ได้สำรองไว้ก่อน ส่วนใหญ่ห้องจะไม่พร้อมสำหรับให้เข้าพักเพราะไม่ได้ทำความสะอาดไว้ก่อน. หลายรีสอร์ทน่าพักมากๆเลยแต่ปรากฎว่า พอเราไปกันหลายคน เค้าไม่มีเจ้าหน้าที่ ไม่มีคนงานจะมาดูแล. เพราะแต่ละครอบครัวจะพักแยกกันตามความชอบ. อย่างคุณลุงคุณป้าบางคน ขอพักแบบบ้านพักบนเนินเขา. ของครอบครัวดิฉัน อยากพักในบ้านแพริมเขื่อนสัมผัสเสียงน้ำไหลผ่านแพที่พักด้านล่าง. ส่วนอีกกลุ่มก็จะพักอีกที่. งานนี้เลยไม่ลงตัว สรุปว่า รีสอร์ตดูแลไม่ทั่ว งานนี้เลยต้องขับเข้าไปพักในตัวเมืองกาญจนบุรีเป็นโรงแรมค่อนข้างใหม่. สะอาดสบายมากๆ ถึงโรงแรมแล้ว. อยากแต่จะนอนพักเพราะว่าเริ่มจะไม่ชินกับการนั่งรถทั้งวัน ส่วนยูรินั้นได้แต่ถามว่า ตกลงหนูกับพี่เอมิจะได้เล่นน้ำกันไหม เพราะเมื่อวานตอนที่ลงไปดูห้องพักในแพ สองสาวอยากเล่นน้ำมาก(แต่น้ำเชี่ยวมาก ออกจะน่ากลัวสักหน่อย). พอขับรถผ่านน้ำตกไทรโยค ก็ไม่ได้แวะเที่ยวอีก เพราะไปกับผู้ใหญ่ๆทั้งนั้น ทริปนี้เลยไม่แวะน้ำตกอีก ทำเอาสองสาวแป๊ว...อดสนุกเลย.
พอมาเช้าอีกวันหลังทานอาหารเช้ากันเสร็จก็เลย. ขับรถออกเที่ยวต่ออีกหน่อยแวะวัดอยู่วัดหนึ่งมีชื่อทางด้านการแสดงโชว์. แม่ชีลอยน้้ำ บรรดาคุณลุงคุณป้าบางคนนั้นก็เชื่อบ้างไม่เชื่อบ้าง แต่ดิฉันนั้นไม่ค่อยเชื่อเรื่องที่คิดว่าแม่ชีลอยน้ำได้เพราะว่าเกิดจากปาฏิหารย์ เพราะหากว่าใครเคยได้ดูรายการ world. Why. วิทย์ตอน เกี่ยวกับการเอาตัวรอดในน้ำ. การว่ายน้ำ. ที่เคยออกอากาศไปแล้วนั้น ก็จะรู้ว่ามันเป็นหลักการทางวิทยาศาสตร์ล้วนๆ. เพราะร่างกายของแม่ชีก็ลอยอยู่ในน้ำทั้งหมด ไม่ได้โผล่ส่วนใดขึ้นมาอยู่เหนือน้ำเลยยกเว้นศีรษะเท่านั้น ซึ่งดูแล้วก็อาจจะยังธรรรมดาสำหรับตัวดิฉันอยู่. แต่ต้องยอมรับว่าเนื่องจากท่านแม่ชีตัวเล็กและผอม. แต่สามารถหายใจเข้าลึกและกลั้นหายใจได้นานพอสมควร การแสดงจะอยู่ประมาณไม่เกิน5-10 นาที มีการเปลี่ยนท่าทางบ้างนานๆครั้ง สำหรับค่าเข้าชมนั้นถ้ามาเป็นกลุ่มๆก็เหมาๆราคากันไปแล้วแต่จะตกลงกัน ส่วนใครอยากจะทำบุญเพิ่มก็แล้วแต่ศรัทธา คิดว่าคงจะมีคนมาดูการแสดงอยู่เรื่อยๆ เพราะทำเป็นที่นั่งให้ดูกันรอบๆแบบเป็นกิจจลักษณะเลย. งานนี้เรียกได้ว่าพาสองสาวมาดูการแสดงทางวิทยาศาสตร์ของจริงกันเลย(เสียค่าครูนิดหน่อย ไม่ดูก็ไม่รู้ว่างั้นเถอะ. ถือเป็นการกระจายรายได้ให้ท้องถิ่นกันไป). หลังจากนั้นถึงรายการไปดูหมอกัน. หมอที่ว่านี้เป็นแม่ชีอายุเยอะแล้ว ท่าทางจะมีคนศรัทธามากจริงๆเพราะมีคนขับรถมาหาอยู่เรื่อยๆที่บ้านพัก (แต่ขอโทษเถอะค่ะดิฉันไม่ได้จำชื่อของท่านเลย เสียมารยาทจริงๆ ) เมื่อไปถึงบ้านหลังที่แม่ชีพักอยู่ในบริเวณวัด. เหล่าคุณลุงคุณป้าทั้งหลายก็เข้าไปกราบและทำบุญ ขอถามเกี่ยวกับเรื่องปัญหาส่วนตัวทั้งเรื่องลูกเรื่องงานทั้งหลาย นั่งต่อคิวกันรอกันไปเรื่อยๆ. (ส่วนเอมิกับยูรินั้นก็ยังไม่เข้าใจว่า เรามานั่งรออะไรกันที่นี่ เออ. อยากจะบอกลูกว่า เนื่องจากมันมากันเป็นกลุ่ม เป็นคาราวาน เลยกลายเป็นธรรมเนียมว่าจะทำอะไรก็ต้องทำเหมือนกัน ทำด้วยกัน รอกันด้วยเพราะฉะนั้น เราเลยต้องรอด้วยยังไงล่ะ). นั่งดูกันปรึกษาพูดคุยกันจนทุกคนดูกันจนหมดแล้วซึ่งแต่ละคนใช้เวลาพูดคุยนานพอสมควรและเรื่องจะถามมันเยอะเหลือเกิน. จนกระทั่งมาถึงครอบครัวดิฉันหลังจากถวายปัจจัย(เงิน)ใส่พานแล้วก็ เอาล่ะซิจะถามอะไรดีน้า. ยูริที่นั่งอยู่ข้างๆดิฉันถามว่า. คุณแม่ค่ะเรามีความทุกข์อะไรไหมค่ะ จะมาถามเค้า(แม่ชี). เรื่องอะไรดี เหมือนกับว่า. ครอบครัวดิฉัน(ดิฉัน ยูริและเอมิ )ต้องช่วยกันคิดว่าจะถามอย่างไรดีเพราะความที่ไม่รู้จะถามอะไรเลยนึกถามเกี่ยวกับลูกว่าลูกสาวคนโตจะเป็นอย่างไรบ้าง แม่ชีให้บอกชื่อลูก. แล้วก็บอกว่า ดีตั้งใจเรียนดีไม่ต้องห่วง ถามต่อว่าในชีวิตต้องระวังอะไรบ้างจะพบอุปสรรคอะไรที่จะต้องแก้ไขไหม. แม่ชีถามว่า ลูกอายุเท่าไหร่. ดิฉันตอบไปว่า กำลังจะครบ8ขวบ. แม่ชีตอบว่า ยังเล็กอยู่ไม่มีอะไรไม่ต้องเป็นห่วง(??? ตกลงว่าได้คำตอบไหมเนี่ย). ต่อมาถามว่าลูกสาวคนเล็กจะเป็นอย่างไร อนาคตจะเป็นแนวทางไหน(นึกหาคำถามแบบธรรมดาสุดๆ) แม่ชีให้บอกชื่อจริงกับอายุ หลังจากบอกไปว่าชื่ออะไรอายุ5ขวบกว่าๆ. แม่ชีก็บอกว่า เรียนดี ฉลาดแต่จะออกแนวเจ้าเล่ห์หน่อย. แต่ดีไม่ต้องเป็นห่วง อนาคตยังอีกยาวไกลเดี๋ยวค่อยดูกันไป(???ตกลงว่าได้คำตอบหรือยังเนี่ย) คำถามสุดท้ายชีวิตครอบครัวราบรื่นดีไหมค่ะ ให้คุณลองทายสิค่ะ แม่ชีจะตอบว่าอะไร. นั่นไงใช่เลย. แม่ชีตอบว่า. ดี ครอบครัวราบรื่นดีไม่มีปัญหารักใคร่กันดีช่วยเหลือกันไป(??? ตกลงว่าดีทุกอย่างเลยเนอะ). คนอื่นเค้าพูดคุยถามกันตั้งนาน ของเราไม่ถึง5นาทีก็เสร็จ ไม่รู้จะถามอะไรและท่านแม่ชีก็ไม่มีข้อเสนอแนะอะไรเลย ถึงคราวต้องกราบลาเหมือนกัน. นึกในใจฉันมาทำไมเนี่ย. อ้าว เค้าว่าดูหมอแม่นๆ ลองดู(ทำบุญกระจายรายได้ให้กับท้องถิ่นอีกแล้ว). ถ้าเอมิรู้ว่าใส่ไปเท่าไหร่ เอมิจังต้องบ่นดิฉันแน่ๆเล้ย.. งานนี้เรียกว่าสอนลูกให้รู้จักคำว่า. หมอดูค่ะ (ซึ่งยูริก็ยังสงสัยอยู่ว่า แม่ชีเป็นใคร จะมารู้อะไรเกี่ยวกับเราได้อย่างไร )ประมาณว่า หมอดูเค้าจะทำนายดวงเราจากอะไร ซึ่งศาสตร์อันนี้มันก็ผสมกันระหว่างความเชื่อ ความศรัทธา จิตวิทยา และสถิติ ข้อสำคัญว่าเหตุการณ์ในขณะนั้นเป็นอย่างไรด้วย เออ.. มันหลายประเด็นอ่ะค่ะ คุณลูกยูริขา คุณแม่ก็ตอบไม่ถูกเหมือนกันค่ะ. ของแบบนี้มันเป็นเรื่องความเชื่อด้วยพูดยากค้า..
หลังจากดูหมอกันจนครบขบวนคาราวานก็ถึงเวลาที่จะต้องแยกย้ายออกจากกลุ่ม เพราะพวกคุณลุงคุณป้าเค้าจะไปเที่ยวที่ อ. สวนผึ้ง ราชบุรี กันต่อ. แต่ครอบครัวเราเห็นจะไม่ไหวแล้ว ยูริกับเอมิอยากไปเล่นน้ำตกมากกว่าเราเลยขับรถย้อนกลับไปเที่ยวที่น้ำตกไทรโยคน้อย ซึ่งอยู่ใกล้ที่สุด ได้เล่นน้ำตกซะที แต่ดูๆไปเหมือนว่าจะแค่นั่งแช่เท้ากับเดินลุยน้ำตกตื้นๆที่บริเวณด้านล่างมากกว่าเพราะน้ำตกนิดเดียว คนเที่ยวเยอะด้วย ทั้งคนไทยและกรุ๊ปทัวร์ต่างประเทศ. แล้วคุณลุงเองก็ขอตัวไปนอนรอในรถ ปล่อยให้สองสาวน้อยของดิฉันเล่นอยู่ปลายๆน้ำตกด้านล่าง ไม่สนับสนุนให้ลงไปว่ายน้ำเหมือนเด็กคนอื่นๆด้วยพิจารณาแล้วว่าไม่สะดวกถ้าจะต้องลงไปว่ายน้ำกันจริงๆ เลยได้แต่นั่งเล่น กินอาหารและขนมอยู่ทางด้านล่างของน้ำตกเท่านั้น . ดิฉันไม่ได้มาเที่ยวที่นี่นานมากน่าจะเป็นสิบกว่าปี ที่นี่ไม่เปลี่ยนไปเลย อย่างเดียวที่เปลี่ยนคือ แม่ค้าช่วยกันรักษาความสะอาดมากขึ้น ส่วนบรรยากาศ สภาพแวดล้อม ร้านค้า จำนวนผู้คน ช่างเหมือนเดิมไม่ผิดเพี้ยนไปจากแต่ก่อนเลย(ยกเว้นร้าน7-11ที่มีเพิ่มอยู่หนึ่งร้านเท่านั้น). ขนมของฝากยังเป็นกล้วยฉาบ. เผือกฉาบ. มันฉาบและสารพัดของกินเล่นแบบเดิมๆเลย. ปล่อยลูกเล่นกันสองคนกับคุณป้า ส่วนดิฉันเป็นฝ่ายเสบียงคอยป้อนอาหารอย่างเดียวเลย. เล่นกันตั้งแต่บ่ายโมงจนจะเกือบห้าโมงเย็น ได้เวลากลับกรุงเทพแล้ว. สองสาวสนุกกันมากหลับสนิทตลอดทางเกือบจะถึงนครปฐมจึงตื่น คุณลุงทัตซึมิแซวต่อว่าหลับกันต่อเถอะ กำลังสบายหูขับรถสบายเลย. (เพราะถ้าตื่นเมื่อไหร่ก็คุยคุยคุย. กันเสียงดังเมื่อนั้นเลย). แต่สองสาวก็ไม่หลับแล้วทั้งคุยและร้องเพลงกันลั่นรถก่อนจะมาถึงบ้าน. เที่ยวทริปนี้สุดๆไปเลย (เหนื่อยของแม่แต่สนุกของลูก). งานนี้ต้องขอบคุณคุณลุงคุณป้าที่เอาสองสาวจอมป่วนไปเปิดตัวให้เพื่อนๆก๊วนของคุณป้าได้รู้จักและดูตัวกันไว้บ้าง (ว่าป่วนกันแค่ไหน). สนุกมากๆค่ะ แต่คาราวานคราวหน้าคงต้องเตรียมยาแก้เมารถให้พร้อมกว่านี้จะได้ไม่มึนหัว คงจะสนุกกว่านี้แน่ๆเลยค่ะ
คำค้นหา: ไม่ระบุคำค้นหา