นานหลายวันแล้วที่สองสาวเอมิจังกับยูริจังปิดเทอม. แต่เพิ่งมีโอกาสได้ไปเที่ยวต่างจังหวัดเหมือนอย่างกับคนอื่นเค้าบ้าง งานนี้มีคุณพ่อช่วยขับรถไปส่งให้เที่ยวก่อนที่จะขอตัวไปทำธุระต่อ ขับรถออกจากบ้านตอนสาย ๆไปถึงที่อุทยานหุ่นขี้ผึ้งสยามในตอนเที่ยง ขับรถหลงทางนิดหน่อย แต่ก็ถือว่าเป็นโอกาสอันดีที่ได้นั่งรถเที่ยวชมในตัวอำเภอ และตลาด เมืองราชบุรีถึงจะเป็นเมืองเล็ก ๆแต่ก็ดูอบอุ่นน่ารักดี. เรามักจะคุ้นเคยกับชื่อ ของราชบุรีในเรื่อง รีสอร์ท หรือ ฟาร์มที่มีแกะน่ารัก ๆไว้ให้คอยเลี้ยงนมหรือให้อาหาร น่าเสียดายที่เรามีเวลาไม่พอ ไม่อย่างงั้นคงจะมีโอกาสได้ไปหาน้องแก๊ะ....แกะ...กันอย่างแน่นอน
ยังไงซะที่เที่ยววันนี้ก็ใกล้กับจุดที่คุณพ่อจะต้องไปทำธุระมากที่สุดแล้ว เพราะฉะนั้นต้องเที่ยวให้คุ้มค่ากับการเดินทาง หาข้อมูลก่อนเที่ยวแค่วันเดียว ถึงแม้ว่าจะบรรยายรายละเอียดให้รู้แล้วบ้างว่าจะได้ดูอะไรบ้างแต่ก็ยังไม่แน่ใจว่าอุทยานที่นี่จะกว้างขวางอย่างไรบ้าง จะเหมือนกับ เมืองโบราณ ที่ สมุทรปราการ แถว ๆบ้านเราหรือเปล่าน้า ก็เลยกังวลนิดๆว่าจะเดินดูไหวหรือเปล่าน้อ ปรากฎว่า ทางเข้าชม ต้องเดินเข้าไปทางด้านใน หลังจากซื้อบัตรเข้าชมแล้ว ก็เดินทางเท้าเข้าชมอุทยานตามจุดหรืออาคารที่จัดแสดงได้สำหรับความรู้สึกแรกเลย คือที่นี่สะอาด สดชื่น เป็นธรรมชาติมากๆ ต้นไม้เยอะ ร่มรื่น เขียวครึ้ม มีต้นไม้ใหญ่และพันธุ์ไม้หายากหรือต้นไม้ตามพุทธประวัติด้วย อากาศดีมาก ๆ ไม่ร้อน มีเสียงเพลงบรรเลงหรือเพลงไทยเปิดคลอเบา ๆตลอดทาง ทำให้รู้สึกจิตใจผ่อนคลายมาก ๆเลย เจ้าหน้าที่ต้อนรับดูแลดีมาก คอยบอกทางและแนะนำการเดินชมอยู่ประจำตามจุดต่าง ๆ เจ้าหน้าที่ยิ้มแย้มเป็นมิตรน่ารักดีจริงๆ.
การเดินเที่ยวชมนั้นเป็นเรื่องน่าสนุกสำหรับสามสาว(หมายถึง ดิฉันและลูกๆ งานนี้ต้องขอลดอายุทำตัวเป็นเด็กๆด้วยซะหน่อยจะได้สนุกเต็มที่). บริเวณที่จัดแสดงส่วนแรกเป็นอาคารติดแอร์มีหุ่นขี้ผึ้งของคนสำคัญและมีชื่อเสียงในด้านต่างๆ. เช่น. ศ.มล. ปิ่น มาลากุล (. ได้รับการยกย่องทางด้านการศึกษา). ดิฉันแวะยืนอ่านกลอนที่ติดอยู่ด้านผนังห้องก็รู้สึกประทับใจเกี่ยวกับกลอนที่แต่งเนื้อหาใจความเกี่ยวกับการเป็นครู ซึ่งน่าซาบซึ้งและประทับใจมากๆเลย
ศ. สัญญา ธรรมศักดิ์(เกี่ยวกับทางการเมือง กฏหมาย ). อ.ป๋วย อึ๊งภากรณ์( ด้านการเมือง ใครอยู่ ธรรมศาสตร์คงจะทราบประวัติของท่านดีกว่าแน่ๆ). คุณสืบ นาคะเสถียร(ทางด้านการอนุรักษ์ป่าไม้). ได้ลองไปยืนใกล้ๆหุ่นขี้ผึ้งของคุณสืบ ทำให้รู้ว่าท่านตัวสูงมากๆ ดิฉันกลายเป็นคนแคระไปเลยเพราะต้องแหงนหน้ามองหุ่นเวลายืนใกล้ๆกัน. อ. มนตรี ตราโมท (ทางด้านศิลปศาสตร์ ดนตรีไทย). มีภาพเก่า ๆในห้องจัดแสดงอยู่หลายภาพ. ประธานาธิบดีโฮจิมิน นายเติ้ง เซี่ยวผิง. นายเหมาเจ๋อตุง. หุ่นขี้ผึ้งแต่ละท่านปั้นได้เหมือนใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากๆสมจริงและเข้ากับบรรยากาศการตกแต่งภายในแต่ละห้องด้วย
จากนั้นออกมานอกอาคารจะต้องเดินตามทางมีการจัดแสดง ลานพระ สามสมัย. ซึ่งก็จะได้ความรู้เกี่ยวกับลักษณะพระพุทธรูปในแต่ละสมัยด้วยว่าแตกต่างกันอย่างไร ซึ่งแต่ละองค์ก็ใหญ่โตดีค่ะ
เดินเรื่อยๆมาจะเจอกับถ้ำ จัดแสดงหุ่นขี้ผึ้งในมุมต่างๆที่เกี่ยวกับ ชาดกในเรื่องพระเวสสันดรชาดก. งานนี้ต้องเข้าถ้ำมีมืดบาง ทำเอาสองสาวเราต้องรีบเดินเพราะไม่ค่อยชอบความมืดกับดูจะลึกลับตามซอกตามมุม. แถมตอนจะออกก็มีหุ่นตอนที่ชูชกกินเยอะมากจนท้องแตกตายมาส่งท้ายด้วย ภาพออกจะน่ากลัว(ไม่น้อย เราเลยต้องรีบเผ่นเอ้ย! เดินออกจากถ้ำแบบว่าไม่มีใครอยากอยู่เป็นคนข้างหลัง)
นอกจากนั้นก็ยังมีกุฏิพระสงฆ์ทั้ง 4 ภาค และบ้านเรือนไทย 4 ภาค ด้วย น่าสนใจตรงที่แต่ละหลังจัดแสดงหุ่นที่เหมือนมากๆโดยเฉพาะรายละเอียดของพระเกจิอาจารย์ชื่อดังต่างๆ และหุ่นประเภทคนแก่คุณยายคุณตาจะปั้นเหมือนมากๆ. แต่สำหรับพวกหุ่นเด็ก. หรือวัยรุ่นอาจจะไม่ค่อยเหมือนเท่าไหร่เพราะผิวมันจะเริ่มคล้ำๆบ้างแล้วไม่ใสปิ๊งเหมือนผิวเด็กอายุน้อยๆแบบคนจริงๆ
บ้านที่น่าประทับใจน่าจะเป็นบ้านที่ยูริชอบมากคือบ้านของภาคเหนือ เพราะเปิดเพลงบรรเลงทำนองชาวเหนือ มีเสียงดนตรีสะล้อ ซอ ซึง ซึ่งยูริชอบเพลงทำนองหวานๆแบบนี้มากถึงขนาดบอกว่าทำนองเพลงนุ่มนวลดีจัง(สงสัยว่ากำลังอิน อยากจะเป็นสาวชาวเหนืออยู่ แถมยังชมว่าเสื้อผ้า ผ้าทองามมากๆอีกด้วย)
ส่วนบ้านที่เรียกเสียงกรี๊ดได้จากเอมิดังที่สุดน่าจะเป็นเรือนของภาคกลางที่มีหุ่นเป็นผู้หญิงนั่งสางผมอยู่ที่โต๊ะเครื่องแป้งแล้วนั่งหันด้านข้างให้กับประตูทางเข้าชมเรือน ถ้าหากไม่ได้ตั้งสติก่อนโผล่หน้ามาดู อาจจะตกใจช็อคได้เพราะว่าสยองมากๆเลย(จากคำบอกเล่าของเอมิ. แต่ถ้าใครตั้งหลักก่อนอาจจะเตรียมใจไว้ก่อนจะได้ไม่กลัว ก็ขนาดจะเข้าไปดูในห้อง เอมิยังบอกให้รอคนเยอะๆก่อนถึงจะค่อยเข้าไปดูหุ่นขี้ผึ้งกัน กลัวซะงั้น)
สำหรับดิฉันแล้วดิฉันประทับใจในกุฏิพระเกจิอาจารย์ทั้ง4 ภาคเลย ปั้นได้สมจริงน่าเลื่อมใสมากๆ นั่งลงกราบพระทุกหลังเลย แถมยังมีเสียงบรรยายเป็นภาษาไทยและอังกฤษด้วยดีมากๆเลย ไม่ต้องไปหาที่สำหรับยืนอ่านอีก นั่งฟังเพลินๆได้ข้อมูลครบถ้วนไปเลย
ส่วนจุดแวะพักจะมีร้านอาหารที่ด้านหน้าก่อนเข้าอุทยาน. กับร้านกาแฟในอุทยานอีก 2 ร้าน ยูริติดใจแซนวิสทูน่าอร่อยมาก(สงสัยเดินเยอะเริ่มจะหิว). การเที่ยวชมที่นี่นับว่าเรื่องการจัดภูมิทัศน์นั้นทำได้ดีมาก กลมกลืนเป็นธรรมชาติดี เหมาะแก่การมาเดินพักผ่อน ส่วนเรื่องข้อมูล ความรู้นั้นก็พอมีบ้างพอประมาณ ไม่เยอะเหมือนพิพิธภัณฑ์. และไม่น้อยเกินไป พอที่จะบอกได้บ้างว่าเรามาเดินชมอะไรอยู่ ซึ่งก็กำลังพอดี ๆไม่เหนื่อยจนเกินไป สบายๆเลย ถ้าใครมีโอกาสมาที่ราชบุรี ก็อย่าลืมแวะมาชมที่นี่กันบ้างนะค่ะ น่ามาเที่ยวค่ะ
สุดท้ายสามสาวนั่งรอคุณพ่อมารับกลับเป็นแขกชุดสุดท้ายเลยจน. รปภ. ต้องถามว่ารถมารับแล้วหรือยังเพราะกลัวว่าจะเย็นมาก(. ที่นี่เปิด 8.00-17.00 น. เฉพาะเสาร์-อาทิตย์. ส่วนวันธรรมดาปิด16.30น. ) งานนี้คุณพ่อหลังจากคุณพ่อทำธุระเสร็จเรียบร้อยแล้วรีบขับรถมารับกลับแล้วกว่าจะถึงบ้าน. สองสาวสลบเหมือดหมดแรง. เพราะทั้งวิ่งเล่น. เต้น(แร้งเต้นกา ท่าทางต่างๆ )เล่นเกมสารพัดเกม แสดงละครดูกันเองไปหลายตอนมากแล้วก็เดินถ่ายรูประหว่างรอคุณพ่อมารับซะตั้งนานเลย สุดท้ายเอมิจังตื่นมาตอนเช้า อ้าวนี่เรากลับถึงบ้านแล้วเหรอค่ะเนี่ย. ก็ยังงั้นนะสิค่ะคุณลูกขา.... แต่นี่มันเช้าอีกวันแล้วนะค่ะ...สุดๆๆไปเลยซิลูกสาวดิฉัน