รู้จักกับแนวทางการศึกษาที่ผนวกความรู้ทางด้าน วิทยาศาสตร์, เทคโนโลยี, วิศวกรรมศาสตร์, คณิตศาสตร์ และ การพัฒนาทักษะต่าง ๆ ที่มีความสำคัญต่อการเตรียมความพร้อมสำหรับการเผชิญหน้ากับความท้าทายในโลกยุคใหม่ click! ที่นี่


ฝึกบวกเลขไปกับเกมสนุก ๆ ในร้านฟาสต์ฟู้ด! เด็ก ๆ จะสนุกกับการคำนวณและรู้สึกเหมือนเป็นมือโปร! click! ที่นี่

เกมคิดราคาอาหารร้าน fast food


ป้ายโฆษณา

ป้ายโฆษณา

ก่อนซื้อโทรศัพท์มือถือ หรือคอมพิวเตอร์มือสอง ตรวจ S/N ที่แจ้งหาย/ถูกขโมยที่นี่!! BlockSerial.Com
คุณกำลังหาหรืออยากได้อะไรใน karn.tvclick ที่นี่!

 

Blog Me!

เปิดกว้างสำหรับเพื่อนสมาชิกที่ชอบการเขียน การจัดบันทึก การเขียน blog ก็คล้ายกับการที่เรามีสมุดกันคนละเล่มในนี้ อยากเขียนอะไรก็เขียน จะแบ่งให้ผู้สนใจและเพื่อน ๆ ได้อ่านแล้วมีส่วนร่วมผ่านทาง comment ก็ได้ หรือจะอยากเก็บไว้เป็นการส่วนตัวก็ได้ การเขียน blog จะช่วยทำให้เรารู้จักการเรียบเรียงเรื่องราวที่ต้องการจดบันทึก การนำเสนอ และได้แบ่งปันความรู้ นานาทัศนะต่อกัน ที่สำคัญ! ยังเป็นการบันทึกไว้ในโลกอินเตอร์เน็ตที่ใคร ๆ ก็มีโอกาสได้เห็น blog ของคุณ!

โพสต์โดย amijung
amijung
amijung ยังไม่ได้ตั้งค่าประวัติส่วนตัว
สมาชิกยังไม่ได้ออนไลน์
เมื่อ พฤหัสบดี, 22 สิงหาคม 2013
ใน บันทึกลูกรัก

เรื่องเล่าของลูกตอนที่ 41 กีฬาสีปี2556 สอนใจให้เอมิ..

  เสร็จสิ้นการแข่งขันกีฬาสีภายในโรงเรียนสาธิตเกษตร. พหุภาษา ปี2556 ของเอมิกับนัตซึแล้วเมื่อวันที่ 20 ส.ค.  ที่ผ่านมา.  ก่อนหน้านี้มีการทยอยแข่งกีฬาสีในแต่ละประเภทไปแล้วบ้าง. เอมิลงแข่งแชร์บอลหญิงไว้ได้เหรียญทองแดง งานนี้บอกว่าสีของตัวเองมีีแต่เด็กป.4 สีอื่นมีพี่ป.5 มาช่วยเล่นด้วยอ่ะ. ทำไมสีเราไม่มีบ้าง...  เวลาพี่มาชนหนู.     ตัวหนูแทบปลิวเลย(แหม คุณลูกขา . เวลาแข่งขันแย่งลูกบอลกันมันก็ต้องมีกระทบกระทั่งกันบ้างเป็นเรื่องปกติจ้า...ไม่แปลกเลย ).  แถมบ่นว่าชนแล้วไม่มีขอโทษกันเล้ย..   ถ้าเป็นหนู หนูจะไม่ทำอย่างพี่หรอก ไม่ดีเลย ( อ้าว แล้วพี่เค้าจะรู้ไหมเนี่ย เวลาแข่งมันคงจะชุลมุนกันน่าดูเลย). เลยบอกลูกว่า การแข่งขันถึงวินาทีนั้นที่ต้องเอาชนะกันแล้ว ก็คงจะไม่มีใครยอมใครหรอก เพราะอยากให้สีของตัวเองชนะสีอื่นกันทั้งนั้น สิ่งที่ต้องเรียนรู้คือเข้าใจและให้อภัย. ถ้าพี่เค้าขอโทษก็เรียนรู้ว่าพี่เป็นตัวอย่างที่ดี.       เป็นพี่ที่มีมารยาท มีน้ำใจนักกีฬา แต่ถ้าพี่ไม่โอเค ไม่ขอโทษ ก็โปรดจำเป็นบทเรียนไว้ว่าทำแบบนี้กับใครไปแล้ว คนอื่นเค้าไม่ชอบแน่ๆ เพราะฉะนั้นก็จะไม่ทำอย่างพี่.  เราต้องมีน้ำใจนักกีฬาไม่ว่าจะอยู่ในสนามไหนๆก็ตาม

                       พอมาถึงวันเข้าสู่การแข่งขันวันสุดท้ายที่มีพิธีการต่างๆในสนาม. วันนี้เอมิลงรายการแข่งวิ่งไว้. 4       รายการ.  มีทั้งวิ่งเดี่ยว และวิ่งผลัด. ตอนแรกคุณแม่ไม่รู้ว่าลูกแข่งเสร็จแล้วและ ผลการแข่งขันเป็นอย่างไรบ้าง เพราะไม่ได้ตามไปเชียร์ที่โรงเรียนช่วงที่เค้ามีการวิ่งแข่งกัน เพราะกลัวว่าลูกจะตื่นเต้น(เอ.  หรือว่า เป็นคุณแม่ที่กลัวจะตื่นเต้นมากกว่าลูกเสียอีก ).  เนื่องจากรู้ใจลูกดีว่า เอมิชอบกีฬาวิ่งมาก  ถึงมากที่สุด. (ขนาดน้องอุ้มเพื่อนสนิทยังบอกว่า เอมิบ้าวิ่งมากๆ คนอะไรจะชอบวิ่งขนาดนั้นเนี่ย) ไม่คิดว่าจะลงวิ่งทั้งหมด4 รายการเลย จะไหวไหมเนี่ย???  มารับเอมิกับนัตซึตอนเย็น เห็นนัตซึก่อนเลย.       กำลังปีนป่ายของเล่นที่สนามเด็กเล่นกับเพื่อนๆอย่างสนุกสนาน เห็นมีเหรียญทองคล้องคออยู่ หนึ่งเหรียญ ถามนัตซึว่าได้มายังไงค่ะ นัตซึบอกว่าลงแข่งวิ่งผลัดเป็นทีม. ชนะสีแดงหนูเลยได้เหรียญทองมา (คุณแม่ตื่นเต้นแทนเพราะแต่ไหนแต่ไรมา นัตซึก็ชอบกีฬาวิ่งแต่ไม่ค่อยมีโอกาสเลย ). ครั้งนี้พี่ๆประจำสีเหลืองกับอาจารย์ให้โอกาสได้ลงสนามกับเค้าบ้าง. ดีจังเลย ถามนัตซึว่าสนุกไหม นัตซึบอกว่าสนุกดีค่ะ แต่สงสารสีแดง หนูต้องขอบใจสีแดงนะเนี่ยที่ให้เหรียญทองหนู . เลยงงว่ามันจะไปเกี่ยวอะไรกันกับสีอื่น. นัตซึเลยเล่าให้ฟังว่า. ตอนแรกสีเหลืองของหนูวิ่งช้าตามหลังสีอื่นมาสีเหลืองของหนูอยู่หลังสุดเลย(มีทั้งหมด 4 สีแข่งขันกัน). นัตซึวิ่งเป็นไม้สุดท้าย วิ่งแซงตีตื้นสีฟ้ากับชมพู. จนมาทันกับสีแดงแล้ว. ขณะที่สีแดงกำลังจะเข้าเส้นชัย นักกีฬากลับชะงักเพราะงงๆกับริบบิ้นเส้นชัยที่ขวางหน้าเลยวิ่งช้าลง. ทำให้นัตซึมีโอกาสวิ่งแซงหน้าพุ่งชนริบบิ้นเข้าเส้นชัยไปก่อนเลยทั้งๆที่สีแดงกำลังจะชนะอยู่แล้วเชียว.  เลยเข้าใจว่าทำไมนัตซึถึงได้บอกว่าขอบใจสีแดงที่ทำให้นัตซึมีโอกาสได้ที่หนึ่ง.  แต่ความรู้สึกสงสารและน่าเห็นใจของนัตซึก็มีให้กับเพื่อนนักกีฬาสีแดงด้วยเพราะเพื่อนคงจะรู้สึกแย่ เสียดายและผิดหวัง เสียใจว่า ไม่น่าจะหยุดงงกับริบบิ้นที่ขวางหน้าเล้ย..ให้ตายสิเนี่ย..  อย่างนี้เลยต้องบอกว่าทีมนัตซึดวงดีกว่านิดหนึ่ง ไม่ใช่วิ่งเร็วกว่าแต่. วิ่งแบบลุยไปเลยไม่รีรอเลยชนะแบบฟลุ้คๆไปเลย.  ต้องขอโทษสีแดงด้วยนะ. แต่หนูต้องวิ่งอ่ะ


มาถึงคราวเอมิจัง.    คุณแม่ก็เดินตามหาไปทั่วอยู่สักพักก็เห็นยืนเล่นอยู่คนเดียวที่สนามเด็กเล่นอีกฝั่ง. หน้าตาหงอยๆ. มาก. จนดิฉันไม่กล้าถามว่าผลการแข่งขันเป็นอย่างไรบ้าง (สงสัยว่าจะไม่ได้เหรียญแหงๆเลยเพราะว่าที่คอไม่ได้ห้อยเหรียญอะไรสักกะเหรียญเลย ). ในใจคุณแม่เตรียมคำพูดปลอบใจไว้แล้ว.  เพราะรู้ว่าเอมิเป็นคนตัวเล็กขาอาจจะสั้นวิ่งแข่งกับเพื่อนตัวโตๆคงจะไม่ไหวหรอกหรือพี่ๆที่คัดเลือกนักกีฬาหรืออาจารย์อาจจะเปลี่ยนใจไม่ให้เอมิลงวิ่งแข่งตามที่เอมิอยากวิ่งก็อาจจะเป็นไปได้!! . มาถึงตอนนี้คิดเองไปต่างๆนาๆว่า มันต้องมีอะไรผิดปกติแหงๆเพราะธรรมชาติของเอมิจะต้องร่าเริง ยิ้มแย้มหน้าบานมากๆ พูดจาทักทายเสียงดังแล้ว.   แต่เอมิทำหน้าเศร้า สุดจะจ๋อยเลย. บอกว่าวันนี้ไม่ดีเลย. หนูไม่ได้เหรียญทองเพราะพี่มอ(ม.6). กับอาจารย์ไม่ให้ ไม่สนใจหนูเลย.พูดเสียงเศร้ามาก. อะไรมันจะซีเรียสขนาดนั้นลูก.   เอ..   ทำไมเป็นอย่างงั้นล่ะ.  เอมิก็เลยเล่าให้ฟังว่า. วันนี้เอมิลงวิ่ง. 4 รายการ. ใน 3 รายการแรก เอมิได้เหรียญเงินมาทั้งหมด.    3เหรียญ. ส่วนรายการสุดท้ายเอมิวิ่งผลัดทีม 4 คน ชนะได้ที่1. ด้วย. แต่ตอนรับรางวัลมีเพื่อนที่ลงชื่อเป็นตัวสำรองไว้แต่ไม่ได้เป็นคนวิ่งแข่งมาเข้าแถวรับเหรียญทองแทนเอมิไปแล้ว. (แต่เอมิยังไม่ได้เลย).  พอแจ้งพี่มอ. กับอาจารย์ก็ไม่ช่วยแก้ปัญหาเรื่องที่ตัวสำรองมารับเหรียญไปแทนคนที่ลงแข่งจริง.   และไม่ให้เหรียญทดแทนเพิ่มด้วยเพราะแจกไปแล้วครบ4 เหรียญตามจำนวนนักกีฬาที่ทำการแข่งขัน.  .  สุดท้ายบทหนักมาตกอยู่ที่เอมิว่าจะจัดการกับปัญหานี้อย่างไรดี?? เนื่องจากบอกทั้งพี่มอกับอาจารย์แล้วก็ไม่รับรู้.  เมื่อมาถามกับเพื่อนที่เป็นคนรับเหรียญไปแทนทั้งที่ไม่ได้เป็นคนแข่งขัน เพื่อนก็ไม่คืนให้เพราะบอกว่าเหรียญเป็นของเพื่อนแล้ว.  งานนี้เอมิเลยจ๋อย. หน้าเศร้าเพราะเพื่อนเค้าก็ยังไม่รู้ตัวว่ามันไม่ใช่ของเค้า อธิบายแล้วก็ไม่คืนให้ สุดท้ายถอดใจไม่ถามแล้วดีกว่า ยอมรับและเก็บความเศร้าไว้เองดีกว่า.   สงสารลูกจัง เพราะรู้ดีว่า ตั้งแต่มีการแข่งขันกีฬาสีภายในมาครั้งนี้เป็นปีที่ 4 แล้วสำหรับเอมิจัง.   . เอมิไม่เคยได้สัมผัสเหรียญทองเลย เพราะแต่ละปี. จะมีเหตุการณ์ต่างๆเช่น.   ถ้าไม่โดนเพื่อนชน. ก็ต้องวิ่งแข่งข้ามรุ่นกับรุ่นพี่ที่โตกว่า.     ตัวเองจึงมักเสียเปรียบอยู่เสมอ ได้แต่ให้กำลังใจว่า ไม่เป็นไร การแข่งขันมีแพ้มีชนะ มีการชิงไหวชิงพริบ. แล้วก็ต้องดวงดีด้วยนะ.   จนกระทั่งมาถึงปีนี้ ถึงแม้ว่าจะแข่งชนะได้ที่หนึ่ง แต่เหรียญทองก็ยังไม่มาหาเอมิอยู่ดีนั่นแหละ.   ดูเหมือนว่าเอมิจะเริ่มทำใจได้บ้างแล้วว่า ช่างมันเถอะ เมื่อเพื่อนอยากได้ก็ให้เค้าไป. ยังไงเราก็รู้ตัวเองดีว่า เราเป็นนักกีฬาที่ได้ลงแข่งแล้วชนะมา แค่นี้ก็ถือว่าดีมากแล้ว. สุดท้ายก็ทำใจได้ว่า. เหรียญมันก็คือเหรียญที่เอามาโชว์เฉยๆ. ถ้าหากว่าต้องไปทวงเหรียญจากเพื่อนสีเดียวกันแต่อยู่คนละห้องแล้วยิ่งช่วงนี้มีสอบตลอดเลย มันจะยิ่งมีเรื่องวุ่นวายไปกันใหญ่ เพื่อนคนนี้ก็เพิ่งเป็นนักเรียนเข้ามาใหม่ปีนี้อาจจะยังไม่รู้เรื่องก็ได้ ไม่อยากมีเรื่อง . ช่างเขาเถอะค่ะคุณแม่.  ปีหน้าเอมิจะแข่งวิ่งใหม่จะต้องได้เหรียญทองของตัวเองจริงๆซะที.       แต่ก็ไม่ใช่ว่าเอมิจะเจอกับเรื่องร้ายๆหรอกนะค่ะ เพราะกีฬาสีปีนี้       ทำให้เอมิมีต้นมิตรภาพที่ดีงอกงามในใจได้เหมือนกัน.          เอมิเล่าให้ฟังว่า หนูเกือบจะไม่ได้เหรียญเงินแล้วตอนที่วิ่งเดี่ยว แล้วเพื่อนสีฟ้าวิ่งมาชนทำให้หนูเสียหลัก ทำให้หนูวิ่งเข้ามาเป็นที่ 3.  ทั้งอาจารย์และพี่มอ ต่างก็ให้สีฟ้าชนะเอมิ. แต่เพื่อนสีฟ้าของเอมิมีน้ำใจนักกีฬาดีมาก มาสารภาพบอกว่าตัวเองวิ่งชนเบียดเอมิ เอมิเลยเสียหลักไป.   เอมิชื่นชมเพื่อนสีฟ้าคนนี้มากเพราะเพื่อนมีความซื่อสัตย์ ถ้าเพื่อนไม่ยอมรับกับอาจารย์และพี่มอ. หนูคงจะไม่ได้เหรียญเงินมาแน่ๆ. เพื่อนคนนี้ดีมากเลยแต่หนูยังไม่รู้จักเลย. หนูอยากรู้จักแล้วล่ะ.    ดิฉันจึงเสริมว่า แสดงว่าเพื่อนคนนี้เป็นคนที่จิตใจดี ไม่โกง ไม่เอาเปรียบผู้อื่น มีน้ำใจนักกีฬา น่าคบน่ารู้จัก.คน อย่างนี้ถึงจะเรียกว่าดี. ถ้าคราวหน้ามีโอกาสต้องแนะนำให้คุณแม่ได้รู้จักเพื่อนดีๆแบบนี้ด้วยนะค่ะ.  อย่างน้อยกีฬาสีคราวนี้ก็มีมุมดีๆให้เอมิได้จดจำบ้างล่ะ...คนดีๆ เพื่อนดีๆ. นับวันจะหายาก เมื่อเจอก็ต้องรักษากันเอาไว้...

                      ล่าสุดเมื่อเช้านี้ก่อนไปโรงเรียนคุณแม่ก็ถามเอมิว่า สุดท้ายเรื่องของเหรียญทองที่ตัวเองเคยถามจากเพื่อนสรุปว่าจบอย่างไร.เพราะต้องการตัดประเด็นสิ่งเร้าต่างๆที่จะมากวนใจเอมิลงเพื่อจะได้พร้อมสำหรับการเรียนรู้ในวันใหม่. ซึ่งเรื่องนี้ผ่านไป3 วันแล้วมันควรจะปิดประเด็นเสียที.         แล้วเอมิก็บอกว่า ไม่สนใจแล้วเรื่องเหรียญ เพื่อนสำคัญกว่าส่วนหนึ่งตัวเองไม่กล้าทวงด้วย. อายเกินไปที่จะถามอีก และเพราะไม่อยากมีเรื่องราวบานปลาย อยากจะหยุดแค่นี้    เหรียญมันก็เป็นแค่เหรียญ. นัตซึก็พูดขึ้นมาว่า.  เหรียญทองนั้นมีค่าต่อความรู้สึกของพี่เอมิไม่ใช่เหรอ (เพราะรู้ดีว่าพี่บ้ากีฬาวิ่งมาก.  เมื่อได้รางวัลเหรียญทองแล้ว ทำไมถึงปล่อยมันหลุดมือไป). ถ้าเพื่อนพี่เอมิเอาไปเค้าอาจจะไม่เห็นคุณค่าของมันหรอก. ลองไปตามคืนอีกทีดีไหม(นัตซึยังยุต่ออีก).   แต่คราวนี้คำตอบที่ทำให้คุณแม่รู้แล้วว่า. เอมิก้าวข้ามผ่านทักษะชีวิตอีกเรื่องหนึ่งก็คือ.  เอมิบอกว่า ไม่ตามแล้ว วันนี้มีสอบภาษาญี่ปุ่น ไม่เสียเวลาไปตามแล้ว. ตามแล้วเสียเพื่อน วันข้างหน้าก็ยังเจอกันอีก.   ยังไงมันก็ไม่ดี. เพื่อนมาใหม่ตอนนี้เค้าคงจะยังไม่รู้เรื่อง. อีกหน่อยเค้าคงจะรู้ตัวเอง. แค่หนูรู้ว่าตัวเองทำได้(วิ่งชนะ). แล้ว พี่สี(ชมพู)เค้าให้โอกาสหนูลงวิ่งแข่งแค่นี้ก็โอเคแล้ว.  ถึงไปตามได้เหรียญมาก็ไม่มีประโยชน์หรอก.     เฮ้อ.  ค่อยยังชั่วที่ลูกเราคิดได้ คิดเป็นและสุดท้ายคิดตก.รู้จักปล่อยวาง.   ว่า ผลของการแข่งขันมีค่ามากกว่าเหรียญรางวัลที่ได้รับ.   ปีนี้เอมิได้ลงวิ่ง4 รายการทำได้ค่อนข้างดี. ปีหน้าบอกว่าจะลง6 รายการเหมือนพี่มอ(. มัธยม). บ้างหนูจะสู้อีก..  โอ้..เอางั้นเลยหรือลูก ถ้าพี่ให้โอกาส  เจ้าลิงน้อยลมกรดตัวนี้คงจะไม่พลาดลงแข่งขันวิ่งในปีหน้าอีกแน่ๆๆ...อิ อิ..  อ้าว.  สู้ๆๆ เจ้าลูกลิงน้อยของคุณแม่

โหวตให้คะแนนบทความนี้
คำค้นหา: ไม่ระบุคำค้นหา
amijung (657 คะแนนที่ได้รับ)
amijung ยังไม่ได้ตั้งค่าประวัติส่วนตัว
เหรียญรางวัล:

ความคิดเห็น

กรุณา เข้าระบบ หากต้องการแสดงความคิดเห็นของคุณ