โพสต์โดย amijung
amijung
amijung ยังไม่ได้ตั้งค่าประวัติส่วนตัว
สมาชิกยังไม่ได้ออนไลน์
เมื่อ พุธ, 11 เมษายน 2012
ใน บันทึกลูกรัก
เรื่องคุยของลูกตอนที่ 5(มันผ่านไปแล้ว)
ผ่านไปแล้วสัปดาห์ของการรอคอยหลังจากสอบที่ร.ร. สาธิต ม.ศ.ว. เมื่อวันที่ 3 เม.ย. 55 ยูริสอบไม่ผ่าน ถึงแม้ว่าลูกจะสอบไม่ติดเราก็ยังรู้สึกสบายใจมากกว่า เพราะถ้าลูกสอบติดแล้วต้องเรียนกันคนละที่กันกับพี่สาว ชีวิตก็คงจะวุ่นวายกันเต็มทีเพราะว่าไม่รู้จะเต็มที่กับลูกสองคนได้อย่างไร คุณพ่อเองก็บอกว่าไม่เป็นไร ก็แค่อยากรู้ผลสอบว่ายูริทำข้อสอบได้มากน้อยแค่ไหน เพราะเราเองก็อยากจะรู้ว่าการเรียนติวแบบที่แตกต่างกันระหว่างของเอมิกับยูริจะเป็นอย่างไร เพราะของเอมิ สอนโดยคุณครูที่มีการแบ่งแยกเนื้อหาเป็นเรื่อง ๆ ซึ่งรวมแล้วก็จะมีประมาณ 49 เรื่อง และมีการเรียนการสอนแบบประเมินละเอียดว่าน้องไม่รู้เรื่องอะไรบ้าง มีการสอนแบบกลุ่มเล็ก 6-7 คนต่อกลุ่ม มีโจทย์มาให้ฝึกทำ คุณครูจบจากจุฬา เกียรตินิยม แต่ของยูริ ตรงข้ามทุกอย่างเลย เรียนเป็นกลุ่มใหญ่ ห้องหนึ่งมีประมาณ 15-17 คน มีครูสอน 1 คน ครูช่วยดูแลอีก 2-3 คน คอยดูว่าเด็กตามทันไหม การเรียนการสอนก็ต้องกระตุ้นล่อใจด้วยการเปิดการ์ตูนความรู้สนุก ๆ ให้เด็กดูและฟังจับใจความว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นบ้าง การสอนไม่เรียบเรียงเนื้อหา แล้วแต่ว่าอยากจะเอามาใช้ในการสอน และของที่เอามาให้ดูนั้นเกี่ยวข้องกับวิชาใดบ้าง ก็หยิบยกขึ้นมาสอนหรือพูดคุย เพราะฉะนั้น จึงไม่แน่ใจว่าสอนได้ครอบคลุมหรือเปล่า การบ้านให้ฝึกทำไม่มี ถ้าหากอยากจะฝึกทำก็ดูและจำแนว ๆคำถามแล้วไปสอนลูกเอาเองอีกที ชีทได้มาแค่ 4-5 ชุด ตอนที่เริ่มใหม่ ๆ แต่หลังจากนั้นก็ไม่ให้เอาชีทกลับ บอกว่าจะสอนที่ลูกของเราไม่เข้าใจเอง ถ้าเราไม่รู้เรื่องอะไรก็ไม่ต้องสอนเดี๋ยวคุณครูจะสอนและปิดจุดอ่อนของเด็กเอง และคุณครูก็ไม่ได้จบครูค่ะ จบจากรามคำแหง เป็นคุณพ่อที่มีหน้าที่เลี้ยงลูกเองและมีความตั้งใจ มุ่งมั่นกับการเลี้ยงลูกให้เก่ง ฉลาด มันทำให้คุณแม่เองก็ออกจะงง ๆกับแนวคิดนี้ ในตอนแรกที่ฟังแนวคิดการเรียนการสอนของคุณครูรู้สึกดีค่ะเพราะเป็นการสอนแบบความรักนำความรู้ ครูมีเจตนาที่ดีที่อยากจะเปิดโอกาสให้ลูกคนอื่นได้มาเรียนรู้ตามแบบตามวิธีการที่เคยติวลูกของตัวเองแล้วได้ผลแต่เจตนารมย์กับวิธีการดูท่าจะไม่ไปด้วยกันเพราะความคาดหวังของครูว่าเด็กจะมุ่งมั่นตั้งใจกันทุกคน จิตใจจะฮึกเหิมได้ทุกคนและตลอดเวลาคงจะยากสักหน่อย อีกอย่างการเรียนกลุ่มมากขนาดใหญ่ และสอนหลายกลุ่มโดยครูเพียงคนเดียวตลอดนั้นดูท่าร่างกายก็จะไม่ไหวด้วย ดิฉันก็ยังมองว่าถ้าคุณครูให้โจทย์มานั่งทบทวนเองที่ผ่านมาบ้าง น่าจะช่วยได้มากกว่าที่ครูจะต้องมาแบกรับความคาดหวัง กับการรับปากว่าจะสอนให้ดีที่สุด การตั้งใจว่าจะปั้นเด็กทุกคนให้เก่งเหมือนลูกของตัวเองในระยะอันสั้น(อย่างมากก็เรียนกันช่วง 1 ปี )แต่คุณครูอยู่กับลูกของตัวเองตลอด 24 ชั่วโมง มาตั้งแต่เกิด สังเกตลูกของตัวเองได้ตลอดเวลา ดิฉันจึงเห็นใจคุณครูพ่อ คนนี้มาก ๆเลยค่ะ และขอบคุณสำหรับการคิดเอื้อเฟื้อแบ่งปัน ความฝันที่จะสร้างเด็กที่เก่ง ๆขึ้นมาโดยไม่เครียดแต่เด็กสามารถคิดเองและเก่งได้ ซึ่งดิฉันก็ได้เรียนรู้แนวคิดที่หลากหลายจากทั้งการมองคุณครูและผู้ปกครองที่ทุ่มเทเพื่อลูกกันอย่างมากมาย บางคนขับรถมาจากที่ไกล ๆ เสียเวลา ทิ้งงานทิ้งการ ลางานมาเฝ้าลูก ยอมจ่ายค่าเรียนเพื่อความหวังความฝันที่ต้องการทำเพื่อลูกได้ ตอนนี้ย้อนกลับมามองตัวเอง คิดว่าเราน่าจะสอนลูกให้รู้หรือมีประสบการณ์ชีวิตได้ดีกว่าการเสียเวลาไปไกล ๆความรู้อยู่รอบตัวเรานี่เอง คิดว่าคงจะต้องเอาวิธีที่เคยสอนเอมิจังมาปรับใช้กับยูริน่าจะเหมาะกว่า และคิดว่าเข้ากับการใช้ชีวิตในแบบของครอบครัวเราหรือตามที่เราวางเป้าหมายไว้ แต่คุณแม่ก็ยังไม่เลิกที่จะเสาะหาคุณครูคนเก่ง ๆที่โดนใจคุณแม่กับคุณลูกนะคะ เพราะเชื่อว่ามันต้องมีคุณครูที่เคมีตรงกันกับลูกของเรา และสามารถพัฒนาลูกเราให้ดีขึ้นเหมือนกับ ที่เรากำลังรอสิ่งสำคัญที่จะมาจุดระเบิดความคิด กระตุ้นความสามารถ สอนให้ลูกเข้าใจวิชาต่าง ๆที่ควรรู้ ได้ง่าย ๆ (เพราะถึงแม้ว่าคุณพ่อคุณแม่จะเรียนมาเยอะ ความรู้มีอยู่เต็มหัว แต่ก็ไม่สามารถพูดภาษาวิชาการให้เด็กอายุ 5 กับ 7 ขวบฟังได้ง่าย ๆอย่างที่เรารู้ ก็ยังคิดว่าในโลกนี้ลูกยังต้องได้เจอคุณครูในดวงใจของเค้าอย่างแนนอน เหมือนสมัยที่เรายังเด็ก ๆแล้วมีคุณครูที่เราชอบและพร้อมจะตั้งใจเรียนถึงแม้ว่าช่วงบ่ายจะอยากงีบหลับบ้างก็ตามที เจ้าประคู้ณ ขอให้ลูก ๆของอิชั้นเจอเยอะๆด้วยเถิด สาธุ...) อย่างไรก็ตามทั้งเอมิกับยูริก็มีครูที่อยู่ในดวงใจประจำชั้นเรียนอยู่เสมอที่จำได้ไม่เคยลืมของเอมิก็คือ อาจารย์กอบเกื้อ ท่านเก่งมาก สอนภาษาไทย สังคม ประวัติศาสตร์ ทำเรื่องยาก ๆให้เข้าใจได้ง่าย ๆลูกรักมาก จนทุกวันนี้ก็ยังปลื้มอาจารย์อยู่รวมถึงคุณแม่ด้วยเพราะอาจารย์ดำรงตนเหมาะสมสำหรับคำว่าอาจารย์ได้สมบูรณ์จริง ๆ เก่งทุกอย่างทั้งวิชาการ กิจกรรม หรือกีฬาก็ตามที(เอมิจังน่ะบอกว่าอยากจะอยู่ทีมสีเดียวกับอาจารย์ทุก ๆ ปีเลยรู้หรือเปล่าค่ะ อาจารย์กอบเกื้อขา) แต่ถึงอาจารย์จะย้ายไปสอนที่ร.ร.สาธิตขอนแก่นแล้ว แต่ครอบครัวนี้ไม่ลืมอาจารย์นะคะ(อาจารย์จะรู้ไหมเนี่ยว่า บ้านเราชอบอาจารย์มาก ๆๆๆๆ) หรือถ้าเป็นช่วงซัมเมอร์นี้ก็ต้องอาจารย์รุ่งทิพย์ ป. 2 ที่มาสอนคณิตให้กับเด็ก ๆรุ่นเอมิจัง(ขอบอกว่ากิตติศัพท์ว่าอาจารย์ดุมาก ๆ ผู้ปกครองกับนักเรียนหลายคนบอกมา แต่เอมิเพิ่งมีโอกาสได้เรียนกับอาจารย์ คุณแม่เองก็หวั่น ๆว่าอาจารย์จะดุจริง ๆๆหรือ แต่ไม่เป็นอย่างนั้น เอมิบอกว่าอาจารย์ใจดีมาก สอนให้คิดเลขแบบใหม่ ๆที่เค้าไม่เคยรู้มาก่อนเลย ไม่ดุด้วย สอนสนุก คุณแม่ก็เลยโล่งใจค่ะ แสดงว่าอาจารย์อาจจะดุกับเด็กที่ดื้อจริง ๆเท่านั้นเอง ขอแก้ข่าวให้ทราบโดยทั่วกันนะคะ ตัวจริงอาจารย์รุ่งทิพย์ใจดีค้า...ท่านผู้ปกครองทุกคน ขอบอกว่าสอนดี รับผิดชอบเด็กดีด้วยนะคะ ) ส่วนยูริตอนนี้ก็สนุกอยู่กับการเรียนทำอาหารไทย และขนมไทย ในช่วงเช้า เรียนว่ายน้ำช่วงบ่าย เป็นวันอันแสนสุขที่ได้ทำกิจกรรมสุดโปรดคือการได้ทำอาหารและชิมอาหารที่ตัวเองได้ลองทำ ยูริมีความสามารถเรื่องการชิมอาหารมากสามารถบอกได้ว่าอะไรอร่อย ไม่อร่อย ไม่อร่อยเพราะรสชาติมันเป็นยังไง ขนาดรสชาติชีสยังบอกได้ว่าเป็นประเภทไหนเลย ยี่ห้อไหน หรือขนาดแม้แต่ นมข้นหวานที่ทาขนมปังปิ้งยังรู้เลยว่าของร้านอาหารที่โรงเรียนใช้คนละยี่ห้อกับที่บ้าน ทั้ง ๆที่ไม่เคยรู้ยี่ห้อนมข้นหวานของที่ร.ร.มาก่อนเลย แม้แต่ไอศรีมยังรู้ว่าอันที่อร่อย ครีม น้ำตาล อันไหนเข้มข้น อร่อยกว่า แต่คงจะจำชื่อยี่ห้อไม่ได้ทั้งหมด ขนาดเราเองก็ยังคิดว่านมข้นหวานยี่ห้อไหน ๆก็น่าจะรสชาติเหมือน ๆกันหมด
สำหรับเรื่องการสอบที่ผ่านไปของยูริ เราเองก็ไม่ได้รู้สึกอะไรมาก เพราะรู้ว่าโอกาสได้มันยากมาก ต้องตั้งใจอย่างที่สุดของที่สุดจริง ๆจึงจะมีโอกาส ก็อย่างที่บอกการเรียนกับคุณครูที่มีผลงานว่าสอนแล้วเด็กสอบติดได้เยอะ จริง ๆแล้วไม่ใช่ว่าเด็กทั้งหมดที่เรียนจะสอบติดได้ตามที่เราคาดหวัง เพราะฉะนั้น สำหรับผู้ปกครองที่จะเข้ามาเพื่อลองสอบหวังว่าลูกเราจะเก่งเลยจากการติวของคุณครูนั้นมันไม่ใช่คำตอบทั้งหมดนะคะ ต้องคิดบวก ลบ คูณหาร หลาย ๆอย่าง ว่าติวเพื่ออะไร ผลดีผลเสีย เอ... จะเรียกว่าผลเสียของการเรียนก็คงจะไม่ถูก ขอเปลี่ยนเป็นคุ้มค่าไหมกับการเสียเงินค่าเรียนค่าใช้จ่าย เสียเวลา เสียอารมณ์(เวลาที่แม่จ่ายเงินเรียนไปแล้ว แต่ลูกไม่ตั้งใจเรียน ตามที่คาดหวังไว้) มันก็น่าเสียดายนะคะ สำหรับเด็ก ๆคนไหนที่สอบติด ต้องขอแสดงความยินดีจากใจจริงค่ะ ส่วนคนที่ไม่ได้ไม่ต้องคิดมาก ยังมีร.ร.ดี ๆที่จะสามารถพัฒนาศักยภาพในตัวลูกทุกคนได้ค่ะ ถ้าสนใจอยากเป็นเพื่อนร่วมสถาบันเดียวกับเอมิจังล่ะก็ยินดีเลยนะคะ เป็นทางเลือกหนึ่งที่คุณผู้ปกครองหรือคุณพ่อคุณแม่อาจจะคิดเสียดายถ้าไม่มาเรียนที่นี่ก็ได้ค่ะ การสอบคัดเลือกไม่ยากมาก คู่แข่งน้อย คนที่จะมีโอกาสถูกคัดเลือกให้เรียนได้คือคนที่ชนะตัวเองค่ะ ไม่ใช่ชนะคนอื่น คือเด็กที่กล้าคิดกล้าแสดงออก กล้าแสดงพลังและความสามารถในตัวเองออกมา ค้นหาว่าตัวเองชอบอะไรและจะวางเป้าหมายอย่างไรให้กับชีวิตโดยผ่านทั้งการเรียนด้านวิชา และกล้าคิดกล้าทำกิจกรรม ซึ่งมีเวทีให้ทุกคนได้แสดงความสามารถของตัวเองออกมา โดยไม่ต้องจำกัดว่าคุณจะเป็นชนชั้นใดก็ตามที ลูกคุณหญิง ลูกนายพล ลูกตำรวจ ลูกเจ้าของโรงงาน ลูกคนสวน คนเลี้ยงปลา ลูกคนขับเรือ ลูกพนักงานบริษัทก็เป็นเพื่อนกันได้ ทั้งไทย จีน ญี่ปุ่น อังกฤษ เราเป็นเพื่อนกัน ช่วยเหลือกัน ไม่ต้องใส่ซองบริจาคเป็นใบเบิกทาง ครอบครัวที่อบอุ่นนี้กำลังก่อร่างสร้างตัวเข้าสู่ปีที่ 11 แล้ว สนใจก็หาข้อมูลเพิ่มเติมได้นะคะ หรือจะถามดิฉันมาก็ยินดีจะไปหาคำตอบมาให้ค่ะ โรงเรียนนี้อาจจะไม่ได้เก่ง ดีเด่นทั้งหมด แต่คุณเชื่อเถอะว่าที่นี่จะทำให้เด็กหลังห้องอยากมานั่งข้างหน้า ส่วนคนที่อยู่แถวหน้า ไม่อยากโดนจับไปอยู่ข้างหลังเดี๋ยวแย่งกันยกมือตอบไม่ทัน ลองดูนะคะ โชคดีค่ะท่านผู้ปกครองและต้นกล้าน้อย ๆทุกต้นที่กำลังจะเติบโต แล้วจะกลับมาคุยใหม่นะคะ
คำค้นหา: ไม่ระบุคำค้นหา
เป็นกำลังใจให้น้องยูรินะคะ