รู้จักกับแนวทางการศึกษาที่ผนวกความรู้ทางด้าน วิทยาศาสตร์, เทคโนโลยี, วิศวกรรมศาสตร์, คณิตศาสตร์ และ การพัฒนาทักษะต่าง ๆ ที่มีความสำคัญต่อการเตรียมความพร้อมสำหรับการเผชิญหน้ากับความท้าทายในโลกยุคใหม่ click! ที่นี่


ฝึกบวกเลขไปกับเกมสนุก ๆ ในร้านฟาสต์ฟู้ด! เด็ก ๆ จะสนุกกับการคำนวณและรู้สึกเหมือนเป็นมือโปร! click! ที่นี่

เกมคิดราคาอาหารร้าน fast food


ป้ายโฆษณา

ป้ายโฆษณา

ก่อนซื้อโทรศัพท์มือถือ หรือคอมพิวเตอร์มือสอง ตรวจ S/N ที่แจ้งหาย/ถูกขโมยที่นี่!! BlockSerial.Com
คุณกำลังหาหรืออยากได้อะไรใน karn.tvclick ที่นี่!

 

Blog Me!

เปิดกว้างสำหรับเพื่อนสมาชิกที่ชอบการเขียน การจัดบันทึก การเขียน blog ก็คล้ายกับการที่เรามีสมุดกันคนละเล่มในนี้ อยากเขียนอะไรก็เขียน จะแบ่งให้ผู้สนใจและเพื่อน ๆ ได้อ่านแล้วมีส่วนร่วมผ่านทาง comment ก็ได้ หรือจะอยากเก็บไว้เป็นการส่วนตัวก็ได้ การเขียน blog จะช่วยทำให้เรารู้จักการเรียบเรียงเรื่องราวที่ต้องการจดบันทึก การนำเสนอ และได้แบ่งปันความรู้ นานาทัศนะต่อกัน ที่สำคัญ! ยังเป็นการบันทึกไว้ในโลกอินเตอร์เน็ตที่ใคร ๆ ก็มีโอกาสได้เห็น blog ของคุณ!

โพสต์โดย amijung
amijung
amijung ยังไม่ได้ตั้งค่าประวัติส่วนตัว
สมาชิกยังไม่ได้ออนไลน์
เมื่อ อาทิตย์, 08 เมษายน 2012
ใน บันทึกลูกรัก

เรื่องคุยของลูกตอนที่ 4 (ใครว่า ..น้องต้องเหมือนพี่ ไม่มีทางซะล่ะ)

คุยเรื่องลูกคนโตมานานแล้ว ขอคุยเรื่องลูกคนเล็กบ้างดีกว่า เอมิเป็นพี่สาวของยูริ   ใคร ๆก็ถามว่าทำไมต้องชื่อยูริ  ดูมาจากในหนังละครเกาหลีหรือเปล่า  ขอบอกว่าไม่เคยได้ดูหนังเกาหลีที่มีคนชื่อยูริเลยสักครั้ง ก่อนที่จะตั้งชื่อลูกตัวเอง เพิ่งจะมารู้ก็ตอนที่คนเค้าถาม ที่มาของชื่อ  ยูริ  มาจากไหนน้า ให้เวลาเดากันก่อน   ..... หมดเวลา... เฉลยเลยดีกว่า    ตอนแรกเมื่อประมาณก่อนที่ยูริจะคลอด คุณแม่อุ้มท้องได้ประมาณ 7 เดือนช่วงนั้นได้ซีดีเกี่ยวกับเพลงของดวงดาวต่าง ๆ แล้วก็มีอยู่เพลงหนึ่งที่ร้องเกี่ยวกับเพลง ยูเรนัส  ทำนองเพลงนั้นหวาน ๆ เพราะมาก  ๆ เอมิร้องตามได้เลย ( ตอนนู้นนะคะ แต่ตอนนี้ลืมไปแล้ว  แป๋ว..) ก็เลยบอกว่าน้องสาวที่จะคลอดออกมาขอตั้งชื่อว่ายูเรนัส ได้ไหม  คุณแม่ก็เลยบอกว่า   ชื่อเอมิจัง ก็ยาวแล้วนะ  ถ้าให้น้องชื่อ ยาว ๆอีก คงเรียกไม่ทันแน่ ๆ เลย  คุณแม่เลยเปิดพจนานุกรมญี่ปุ่นดูมีชื่อที่สั้น  ๆ  น่ารัก ๆ ว่า ยูริ  (ตัวคันจิ ที่เลือกก็เอาตามความหมายว่า   ดอกลิลลี่)  ถามเอมิว่าเห็นด้วยไหม  พี่สาวบอกโอเค  เพราะอย่างน้อยก็มีคำว่า  ยู ล่ะน่า  น้องสาวก็เลยชื่อยูริ เพราะพี่แท้  ๆ เลย  ตอนยูริเกิดตัวขาว หน้า และปากแดงมาก  ๆ จนคนข้างบ้านถามว่าทาลิปสติกให้ลูกหรือเปล่า  ต้องบอกว่าไม่ได้ทาเลย  หน้าตาน้องจิ้มลิ้ม เคยพาไปเดินเล่นสมัยน้องอายุ  ได้ ประมาณ เกือบ 3 เดือน ที่สยามพารากอน มีโมเดลลิ่งก็มาชวนไปลองเทสต์หน้ากล้องถ่ายโฆษณาแพมเพริสยี่ห้อหนึ่ง  ก็ลองไปค่ะ แต่ก็ไม่ได้งาน จากนั้นมีอีกหลายงานที่โมเดลลิ่งโทรตามให้ไปเทสต์หน้ากล้องอีก   แต่ที่ประทับใจที่สุดน่าจะเป็นของ เบบี้เลิฟที่มีคนมาคัดเกือบ 200 กว่าคน แต่เค้าคัดรอบสองเหลือ 8 คนสุดท้าย( โอ้โหทำเหมือนกับ เดอะสตาร์เลยเนอะ  )  เราก็ไปเคสรอบสองอีกแต่ปรากฏว่าไม่ได้อ่ะ  เค้าเอาเด็กคนเดียว แล้วก็ถ่ายคุณแม่ของเด็กด้วย  ( ดิฉันก็เลยนึกในใจ ว่าขอโทษทีนะลูก  สงสัยที่ลูกไม่ได้ถูกเลือก เพราะมีคุณแม่แก่แล้วหน้าไม่ขึ้นกล้องแน่ ๆเลย   แบบว่าจนปัญญาไม่รู้จะทำอย่างไร)  จากนั้นก็มีมาอีกแต่ว่า เราไม่ว่างแล้วล่ะ ไม่อยากต้องรบกวนใคร ๆให้มาช่วยขับรถพาไปที่สตูดิโออีก  เพราะมันเสียเวลาเกือบทั้งวันเลย  บ้านเราก็อยู่ไกลด้วย  จากวันนั้นจนถึงวันนี้  ไม่รู้ว่ายูริคิดว่าตัวเองสวยหรือเปล่า ถึงได้รักสวยรักงามมาก ๆ ( ก่อนออกจากบ้านฉันต้องมั่นใจว่าฉันสวยจริง ๆก่อนจึงจะไปไหนต่อไหนได้ ทั้ง ๆ ที่  อาจจะแค่น่ารักนิดหนึ่งเท่านั้นเองอ่ะ  คิดแบบเข้าข้างตัวเองสุด  ๆ เลย  อย่าเพิ่งหมั่นไส้ซะก่อนนะคะ)  กำลังจะบอกว่า ด้วยเหตุนี้ ยูริจึงทนแดด  ทนฝนไม่ค่อยได้  หากนอนไม่พอก็จะไม่สบายทันที  ขึ้นรถไม่ว่าจะรถอะไรก็มักจะเวียนหัว อ่อนแอ้..  อ่อนแอ..  ทั้งขี้อ้อน ทั้งไม่ค่อยอดทน ถ้าเหนื่อยหน่อยก็จะบ่นแล้วอย่างเดินไม่ไหวให้ช่วยอุ้ม   แต่ถ้าเป็นเรื่องความมั่นใจเกี่ยวกับการพบปะพูดคุยกับคนแปลกหน้าแต่ว่าคุณพ่อคุณแม่ต้องรู้จักบ้างนะคะ  ยูริพร้อมที่จะสนิทสนม กลมกลืนทำตัวเข้าหาผู้ใหญ่ได้ดีมาก ๆช่างคุยสุภาพน่ารัก เจอใครก็พูดหวาน ๆให้ชื่นใจ  เค้ามีอีคิวเกี่ยวกับทักษะการพูดจาให้กำลังใจคนมากเลย  ตอนที่เค้าเริ่มเรียนเนอสเซอรี่ได้ตอนอายุ 2.6 ปี เค้าก็อยู่ร.ร.ที่หนึ่ง  พอมาเข้าอนุบาลหนึ่ง  ก็ไปซัมเมอร์ อีกร.ร.หนึ่ง   จากนั้นพอพี่ติดสาธิตเกษตรพหุภาษา  ยูริก็ย้ายไปเรียนซัมเมอร์อีกเดือนที่  YWCA  อีก  แต่สรุปว่าไม่ค่อยตรงใจเราเท่าไหร่ก็ต้องเปลี่ยนร.ร.อีก  สรุปว่ายูริเปลี่ยนร.ร.บ่อยมาก   จนเครื่องแบบนักเรียนเต็มตู้ไปหมดเลย  เหมือนเค้าต้องเดินตามทางที่พี่เอมิกำลังจะใช้ชีวิตต่อไป  แต่ว่ายูริไม่เหมือนเอมิเลยคือ แนวทางการเรียนการสอนการใช้เวลาอยู่กับคุณแม่ น้อยกว่าพี่เอมิจังครึ่งหนึ่ง เพราะเราไม่สามารถจะเต็มที่กับยูริได้เหมือนกับที่ให้เอมิ    สมัยเอมิ 2 ขวบ คุณแม่ก็พาตะลอน ๆ  เดินทางไปเที่ยวที่นู้นที่นี่ ไปดูปลาฉลามที่สยามพารากอนบ่อยมาก (เพราะเป็นสมาชิกอยู่เมื่อตอนนู้นไปซะคุ้มเลย)  ไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์ ต่าง ๆทุกรูปแบบไปเที่ยวสวนสัตว์โดยเฉพาะสวนสัตว์ดุสิต  จนนึกในใจว่าที่นั่นน่าจะมีให้สมัครบัตรสมาชิกบ้างเนอะ  เพราะไปกันจนจำได้หมดเลย  แม้จนกระทั่งตัวคุณแม่ท้องแก่ใกล้จะคลอดถ้ามีเวลาก็จะพาไปเที่ยวหาประสบการณ์ตลอด  แต่ว่าพอมียูริ  และเค้าเริ่มโตขึ้นโอกาสที่จะพาไปไหนต่อไหนก็เริ่มน้อยลงเพราะติดธุระเรื่องเอมิบ้าง  งานที่บ้านบ้าง  แถมคุณพ่อก็งานยุ่งขึ้นเยอะ เค้าเลยขาดประสบการณ์ตรงหลาย ๆเรื่อง  ต้องผ่านจากการบอกเล่า จากการดูทางทีวีแทน จากอินเตอร์เน็ต  แต่สิ่งหนึ่งที่ดิฉันได้ทำสม่ำเสมอกับลูกคือ  การพาเค้าไปเดินที่ตลาดในทุก ๆตอนเย็น  เค้ารู้จักเรื่องการเข้าสังคม  รู้มารยาทว่าอะไรควรหรือไม่ควร  อย่างถ้าคุณแม่หยุดคุยกับเพื่อนบ้านหรือคนรู้จักคนไหน  ยูริจะยกมือไหว้สวัสดีทันทีเลยไม่ต้องบอก  เวลาไปซื้อผลไม้ก็รู้จักถามแม่ค้าว่าหวานหรือเปรี้ยว แถมบางทีรู้จักต่อรองขอแถมเพิ่มได้ไหมค่ะ  เรียกได้ว่ามีศิลปะการพูดจาไม่ธรรมดา  มีผู้ปกครองลูกหลายคนบอกยูริพูดคุยเหมือนเด็กโต  การแสดงความคิดเห็นหรือเวลาซักถามพูดคุย กล้าพูดตอบได้และรู้เรื่องด้วย เรียกได้ว่าเล่าเป็นเรื่องเป็นราวได้    อีกอย่างที่ไม่เคยขาดเลยคือ  อ่านนิทานก่อนนอน  ตอนแรก ๆ ดิฉันเองก็เอานิทานที่เคยอ่านให้เอมิจังฟังสมัยเด็กๆ เหมือนตอนที่เอมิมีอายุเท่ากัน  ปรากฏว่ายูริให้อ่านให้ฟังจนหมดชั้นหนังสืออย่างเร็วเลย  ดิฉันก็บอกว่าให้เอามาอ่านซ้ำดีกว่า  ยังจำได้ไม่หมดหรอก   ยูริบอกว่ารู้หมดแล้ว  เลยลองสุ่มหยิบมาถามปรากฏว่าเล่าเรื่องสรุปใจความได้ว่ามันเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร  ดิฉันเลยต้องซื้อนิทานเล่มใหม่ ๆมาเพิ่มอีกอยู่เรื่อย ๆ จนเมื่องานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติปีที่แล้วนู้น  ดิฉันสนใจเกี่ยวกับการ์ตูนที่เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับวรรณคดี และชาดก  มีหลายสำนักพิมพ์เลย  ก็เลยลองซื้อมาอ่านให้ลูกฟัง  ปรากฏว่ายูริ ชอบเรื่องราวของวรรณคดีอย่างมาก มีทั้งพระอภัยมณี  รามเกียรติ์ พระมหาชนก โสนน้อยเรือนงาม  ปลาบู่ทอง และนิทานชาดกพวกเรื่องที่เกี่ยวกับพระพุทธเจ้า  ทศชาติชาดก  ดิฉันคิดว่าเค้ามีจินตนาการเกี่ยวกับความสวยงาม  เรื่องเล่าที่สนุกน่าติดตาม  เพราะหนังสือส่วนใหญ่หนามาก ดิฉันต้องขอเล่าที่ละ10 หรือ 20 หน้าแล้วแต่จะตกลงกัน  สรุปว่ายูริชอบฟังเรื่องวรรณคดี  ตำนาน ออกแนวจินตนาการ  ซึ่งต่างกันสุดขั้วกับพี่เอมิจังที่ชอบแนววิทยาศาสตร์ ประเภทให้ความรู้ เรื่องวิทย์หรือการใช้เงิน การประหยัดเงิน ศิลปะพวกประดิษฐ์หรือวาดรูป   ส่วนยูริชอบรำไทย  สนใจศิลปะแต่ร่างภาพไม่เก่ง  ชอบถ่ายรูปแต่ยังไม่แจ่มเท่าพี่เอมิ  ที่ถ่ายภาพสวย มีมุมมองการถ่ายแปลก ๆ  เก๋ ๆ  ดิฉันว่ายูริก็คงอยากจะเก่งเหมือนพี่เอมิหลายอย่าง แต่คงจะยังต้องฝึกอีกนาน   ดิฉันมาลองมองลูกสองคนที่ช่างแตกต่างกันเหลือเกิน(เรื่องนิสัย) ทำให้แนวการเลือกร.ร.ติวมันช่างแตกต่างสลับขั้วกันไปเลย แต่ผลลัพธ์ที่ออกมา ดิฉันยังไม่อาจจะคาดเดาได้จริง ๆ   สำหรับยูริ  การเลือกร.ร. ติวสาธิต  เป็นการเฉพาะเจาะจงตั้งใจว่าจะให้เรียนจริง ๆจัง ๆ  เรารู้จักคุณครูท่านนี้เพราะมีผู้แนะนำมาว่ามีความสามารถถึงแม้ว่าจะไม่ได้จบมาทางครูก็ตาม  แต่ด้วยคอนเซ็ปที่เราชอบและสะดุดใจก็คือ การเรียนการสอนแบบความรักนำความรู้  เพราะเราเชื่อว่าเมื่อเกิดความรักขึ้นมาแล้วก็สามารถที่จะสอนหรือบอก  ให้ ความรู้ทุก  ๆอย่างได้อย่างไม่ต้องยัดเยียด  แนวความคิดถูกใจ  การเรียนการสอนเน้นสร้างแรงกำลังใจ  เนื้อหาหลัก ๆของเด็กที่จะสอบเข้า สาธิตม.ศ.ว.  ไม่เข้มเท่าติวเข้า สาธิตจุฬา  เดิมทีเราคิดว่าคุณครูจำกัดผู้เรียนในแต่ละรุ่น เผื่อว่าลูกเราจะได้เรียนแบบใกล้ชิด แต่ก็ไม่เป็นอย่างนั้น     นักเรียนมีจำนวนมากแต่คุณครูน้อยอาจจะดูแลไม่ทั่วถึง เราได้ชีทกลับมาทบทวนที่บ้านน้อยมากหรือเรียกได้ว่าแทบไม่มีเลย  ถ้าผู้ปกครองต้องการทวนซ้ำต้องจดรายละเอียดเองทำให้เราก็อาจจะยัง งง ๆ หลง ๆ ตามเก็บได้ไม่หมดว่าลูกเรารู้หรือไมรู้อะไรบ้าง  ได้คุยกับคุณครูนิดหน่อย เพราะคนเรียนเยอะ ผู้ปกครองอีกเพียบ บางทีก็สงสารครูที่ไม่ได้เป็นคุณครูโดยอาชีพแต่ต้องมารับบทใหม่เป็นคุณครูของเด็ก ๆซะแล้ว  คิดแล้วเห็นใจไม่ถามไม่คุยมากดีกว่า  สรุปว่าเราส่งลูกไปเรียน ลูกได้เรียน แต่เราต้องมาคิดทบทวนเอาเองว่าจะทวนกับลูกเรื่องอะไร  ซึ่งตัวคุณครูก็ไม่ได้แบ่งหมวดหมู่ชัดเจนว่าสอนเรื่องอะไรไปบ้างตามหัวข้อการสอนอันไหน  ทำให้ดิฉันหลงทางไปเยอะเหมือนกัน  (บางทีดิฉันไมได้เข้าไปฟังครูเฉลยทุกครั้ง แต่ฝากคนอื่นไปฟังแทน ทำให้ไม่รู้เรื่องยูริที่ติวกับคุณครูเลยอยู่หลายครั้ง มาถึงตอนนี้ก็คงไม่ต้องคิดอะไรมากแล้วล่ะค่ะ  รอลุ้นวันประกาศผลสอบอย่างเดียวเลยว่าคะแนนจะดีเหมือนกับคนอื่นเค้าหรือเปล่า  ส่วนสอบติดหรือไม่อย่างไรตัวคุณแม่ก็ไม่สามารถจะคาดเดาได้จริง ๆ  สงสัยว่าจะแล้วแต่ดวงซะแล้วล่ะมั้ง  เดี๋ยวคราวหน้าจะมาเล่าเรื่องยูริต่อเผื่อใครมีลูกสาวคล้าย ๆยูริจะได้มาแชร์ประสบการณ์กันนะคะ
โหวตให้คะแนนบทความนี้
คำค้นหา: ไม่ระบุคำค้นหา
amijung (657 คะแนนที่ได้รับ)
amijung ยังไม่ได้ตั้งค่าประวัติส่วนตัว
เหรียญรางวัล:

ความคิดเห็น

แม่น้องกานต์
แม่น้องกานต์
แม่น้องกานต์ ยังไม่ได้ตั้งค่าประวัติส่วนตัว
สมาชิกยังไม่ได้ออนไลน์
แม่น้องกานต์ จันทร์, 09 เมษายน 2012

ตอนแรกคิดว่าน้องชื่อเอมิ กะ ยูริเพราะว่าคุณพ่อเป็นคนญี่ปุ่นซะอีกค่ะ ที่แท้มาจากพี่สาวชอบชื่อยูเรนัสนี่เอง
เอมิจังต้องรักน้องมากแน่ๆเลยใช่ไหมคะ เพราะมีส่วนได้เป็นเจ้าของน้องมาตั้งแต่น้องยังไม่เกิดซะด้วยซ้ำ

ฟังดูแล้วยูริจังเหมือนเจ้าหญิง เธอสวยงามช่างฝันมีจิตใจดีใครๆก็อยากพูดคุยด้วย แต่บอบบางจนเกือบจะอ่อนแอ
ส่วนเอมิจังนี่ เธอดูเหมือนองค์รักษ์พิทักษ์เจ้าหญิงนะ เธอกล้าหาญเป็นนักสำรวจพร้อมลุยและฝ่าฟันอุปสรรค
เป็นพี่น้องสองสาวที่ต่างกันมากๆ แบบนี้คุณเฮี้ยงคงต้องปวดหัวในการจัดหากิจกรรมให้ลูกสองคนที่ชอบต่างกัน
:):)
ความจริงการแตกต่างก็มีข้อดีนะคะ..เขาจะได้คอยช่วยเหลือกันและกันในส่วนที่อีกคนนึงไม่ถนัด
ลองคิดเล่นๆว่า ถ้าให้ถ้าเอมิและยูริแบ่งปันส่วนดีของแต่ละคนมาเขย่ารวมกันน่าจะสมบูรณ์แบบทีเดียวนะเนี่ย :D

** เป็นกำลังใจให้ยูริจังในการลุ้นผลสอบนะคะ **

แม่น้องกานต์
แม่น้องกานต์
แม่น้องกานต์ ยังไม่ได้ตั้งค่าประวัติส่วนตัว
สมาชิกยังไม่ได้ออนไลน์
แม่น้องกานต์ อังคาร, 10 เมษายน 2012

ขอที่อยู่ด้วยค่ะแม่เฮี้ยง จะส่งหนังสือจาก se-ed kiddy ไปให้เอมิจัง กะ ยูริจัง :D:D
เป็นหนังสือจากการร่วมสนุกกับกิจกรรมเขียน blog เดือนมานาคมค่ะ
ส่งมาที่ email : info@karn.tv นะคะ

กรุณา เข้าระบบ หากต้องการแสดงความคิดเห็นของคุณ