รู้จักกับแนวทางการศึกษาที่ผนวกความรู้ทางด้าน วิทยาศาสตร์, เทคโนโลยี, วิศวกรรมศาสตร์, คณิตศาสตร์ และ การพัฒนาทักษะต่าง ๆ ที่มีความสำคัญต่อการเตรียมความพร้อมสำหรับการเผชิญหน้ากับความท้าทายในโลกยุคใหม่ click! ที่นี่
ฝึกบวกเลขไปกับเกมสนุก ๆ ในร้านฟาสต์ฟู้ด! เด็ก ๆ จะสนุกกับการคำนวณและรู้สึกเหมือนเป็นมือโปร! click! ที่นี่
เปิดกว้างสำหรับเพื่อนสมาชิกที่ชอบการเขียน การจัดบันทึก การเขียน blog ก็คล้ายกับการที่เรามีสมุดกันคนละเล่มในนี้ อยากเขียนอะไรก็เขียน จะแบ่งให้ผู้สนใจและเพื่อน ๆ ได้อ่านแล้วมีส่วนร่วมผ่านทาง comment ก็ได้ หรือจะอยากเก็บไว้เป็นการส่วนตัวก็ได้ การเขียน blog จะช่วยทำให้เรารู้จักการเรียบเรียงเรื่องราวที่ต้องการจดบันทึก การนำเสนอ และได้แบ่งปันความรู้ นานาทัศนะต่อกัน ที่สำคัญ! ยังเป็นการบันทึกไว้ในโลกอินเตอร์เน็ตที่ใคร ๆ ก็มีโอกาสได้เห็น blog ของคุณ!
ทุกครั้งเวลาเห็นลูกนั่งอ่านหนังสือแล้วอ้อยจะรู้สึกดีค่ะ ไม่ทราบเพื่อนๆเป็นเหมือนกันไหม กานต์เป็นเด็กชอบอ่านหนังสือมาก
(แต่ตอนนี้อาจสูสีกับเกมส์..55)
ถ้าแกล้งเอาหนังสือเล่มใหม่วางไว้ให้เห็นจะทนไม่ได้ต้องขออ่านก่อนทำอะไรทั้งสิ้น แล้วก็จมอยู่กับหนังสือแบบไม่ไล่ไม่เลิกกันเลยทีเดียว
อย่างตอนถ้าไปห้างแล้วเบื่อเดินกับพ่อแม่ก็จะขอแยกตัวไปร้านหนังสือ ร้านประจำก็คือ se-ed ค่ะคงมากกว่า 8 สาขา ที่น้องกานต์เคยไป
เช็ดพื้นให้เขามาแล้ว (ก็ไปนั่งอ่านที่พื้นร้านน่ะค่ะ)
ทำให้มานึกย้อนไปว่าจุดเริ่มตรงไหนกันนะ ที่มีส่วนทำให้ลูกรักการอ่านขึ้นมาได้ ขอเรียงลำดับตามอายุลูกดังนี้ค่ะ
ก่อนวัยเรียน – ตั้งแต่ลูกเริ่มหัดหยิบจับของ อ้อยซื้อหนังสือโฟมมาให้เขาเล่น ทำความคุ้นเคยกับรูปลักษณ์ของหนังสือ
แม่อ่านให้ฟังบ้าง ชี้ชวนดูรูปบ้าง ฝ่ายลูกก็เอามากัด เอามาขว้างปา หรือเอามาเรียงต่อเป็นขบวนรถไฟบ้างก็ไม่เป็นไร
ขอให้เขาเกิดความรู้สึกว่าหนังสือคือของเล่นคุ้นมือ สนิทสนมคุ้นเคยและให้ความสนุกกับเขาได้
ส่วนหนังสือกระดาษพวกนิทานภาพต่างๆก็จะมีค่ะ แต่ไม่ให้เป็นของเล่นจะเอาไว้อ่านให้ฟังก่อนนอนทุกคืน
(เวลาอ่านนิทานให้ลูกฟังจะชี้นิ้วไล่ตามคำพร้อมกับการออกเสียงไปด้วย ลูกจะจดจำคำเหล่านั้นในลักษณะเดียวกับ
จำภาพและช่วยให้อ่านหนังสือออกได้เร็วค่ะ)
ในวัยอนุบาล1-2 นอกจากแม่จะอ่านนิทานให้ฟังแล้ว กานต์ก็จะเริ่มอ่านนิทานภาพเอง ขอแบบตัวหนังสือน้อยๆ รูปใหญ่สวยๆ
วัยขนาดนี้เด็กๆจะชอบอ่านออกเสียง ระหว่างที่ลูกอ่านเราควรฟังลูกนะคะ (หรือแกล้งทำเป็นฟังก็ได้ แล้วเออ ออเข้าเรื่อง
แบบเนียนๆ ก็สบายอยู่แล้วเพราะแต่ละเรื่องลูกอ่านซ้ำไปมาไม่รู้กี่เที่ยวแล้วนี่นา..ทำไมจะจำไม่ได้..อิอิ) เมื่อลูกอ่านจบก็ชื่นชม
หอมแก้มลูกนี่เป็นสุดยอดรางวัลของเด็กๆเลยนะคะ ถ้าเราฟังลูกอ่านคำไหนที่ออกเสียงไม่ชัดจะได้ช่วยแก้ไข หรือเจอคำยาก
ก็ช่วยเขาอ่านให้ลูกจะได้ไม่หงุดหงิด หมดกำลังใจจะอ่านต่อ
พอขึ้น อ.3 ตอนนี้อ่านในใจได้แล้วก็มาชอบอ่านปังปอนด์ที่เป็นภาพขาวดำเพราะชอบมุกตลก นั่งอ่านขำกั่กๆอยู่คนเดียว
ตอนนี้ลูกไม่อ่านให้เราฟังอีกแล้วนอกจากว่าเจอมุกไหนตลกมากๆ ก็จะดึงมือเราไปดูเพื่อให้ร่วมขำด้วยเป็นระยะๆ
อ้อยก็จะเลือกหนังสือที่ชอบมาอ่านด้วยพร้อมๆกันกับลูก เพราะถ้าเราดูละครหรือเล่นเกมส์ก็อาจดึงความสนใจของลูกไปได้
ถ้ารอบตัวเขามีหนังสือเป็นสิ่งแวดล้อม เห็นคุณพ่อคุณแม่ก็อ่านหนังสือ ลูกก็ต้องรักการอ่านได้ไม่ยากเลย
ขึ้นชั้นประถม ก็มาติดการ์ตูนความรู้เกาหลีจากค่ายต่างๆ ทั้ง นานมีบุ๊คส์ , se-ed kiddy ตอนนี้ไม่ต้องชักชวนแล้วค่ะ
ลูกโดดเข้าใส่เองเลย พาลูกไปเที่ยวงานหนังสือบ้างเมื่อมีเทศกาลลดกระหน่ำนะคะให้เขามีโอกาสเลือกซื้อหนังสือเอง
ตอนกานต์ไปครั้งแรกก็ตื่นเต้นมาก มีแต่หนังสือเต็มไปหมดแม่ก็พาตะลุยเข้าบู๊ทนั้นบู๊ทนี้ โน้มน้าวชี้ชวนหนังสือมากมาย
ในที่สุดลูกก็เลือกมาแต่การ์ตูนพวกนี้ทั้งนั้น ก็ต้องยอมค่ะ อย่างน้อยในความสนุกก็พ่วงความรู้ไปด้วย และเพื่อนบอกว่า
เคยไปถามเด็กๆที่ได้เหรียญสสวท.หลายๆคนบอกว่าชอบอ่านการ์ตูนความรู้พวกนี้ อาจจะจริงเพราะกานต์ก็เป็นค่ะ
ในงานหนึ่งอ้อยมีโอกาสได้เจอ อ.ชีวัน วิสาสะ ปรมาจารย์นิทานเด็กชื่อดังเจ้าของ “อีเล้งเค้งโค้ง” ขวัญใจเด็ก
จึงขอปรึกษาเรื่องวัยของเด็กกับหนังสือ เพราะอ้อยอยากให้ลูกเปลี่ยนจากการ์ตูนความรู้หันมาอ่านวรรณกรรมเยาวชนบ้าง
อ.ชีวันบอกว่า ต้องรอพ้นช่วง 10 ขวบ เด็กที่อ่านหนังสือจะหันมาสนใจหนังสือประเภทวรรณกรรมเยาวชนได้เอง
เฮ้อ..ค่อยคลายใจหน่อยว่ายังมีเวลาเพราะตอนถามอ.ชีวันกานต์ 8.7 ขวบ อ้อยเกรงว่าลูกจะติดการ์ตูนความรู้จนแกะไม่ออก
เพราะมันก็ดูต๊องๆอยู่เหมือนกัน แต่ในความเห็นของลูกบอกว่า “คุณแม่อ่านหนังสือแบบนั้นได้ยังไงมีแต่ตัวหนังสือทั้งนั้น
รูปประกอบเล็กนิดเดียว” เลยตอบว่ามีรูปน้อยเพื่อให้เราจินตนาการเองตามใจชอบ ไม่ตีกรอบเราไงล่ะ สักวันลูกจะชอบนะ
อ้อยเป็นคนชอบอ่านวรรณกรรมเยาวชนอยู่แล้วก็เลยซื้อไว้หลายเล่ม ช่วงหลังๆก็เอามาวางไว้ให้ลูกเห็นบ่อยๆ บางทีก็พูด
คุยเรื่อเนื้อหาของเล่มนั้นๆให้เขาฟังเพื่อกรุตุ้นความอยากรู้ ซึ่งเป็นนิสัยพื้นฐานของเด็ก จนตอนนี้กานต์เริ่มอ่านวรรณกรรม
ที่มีแต่ตัวหนังสือเต็มหน้าได้แล้ว เย้...9 ขวบเอง
นี่คือวรรณกรรมเยาวชนที่กานต์อ่านจบไปแล้ว และเรื่อง" เกาะโลมาสีน้ำเงิน" กำลังอ่านค้างอยู่ค่ะ
เพื่อนซื้อให้เป็นของขวัญลูกชายด้วยนิทานอีสผฃปของซีเอ็ด ฉันก็อ่านใก้ลูกฟังก่อนไปโรงเรียนและก่อนนอน คือที่บ้านฐานะไม่ค่อยดีแต่มีน้าๆใจดีคอยส่งนิทานมาให้ลูกชายตลอดตอนนี้มีเกือบ10เล่มแล้วลูกชายจะดีใจมากๆเมื่อมีนิทานเล่มใหม่ให้อ่าน ลูกชายป.1แล้วแต่ยังอ่านเองไม่ได้แต่เราก็พยายามอ่านให้เขาฟังตลอด อยากให้เขารักการอ่านเพราะตัวฉันเป็นคนอบอ่านหนังสือมากๆ
ดีจังเลยค่ะ การที่เด็กได้ฟังแม่เล่านิทานหรือร้องเพลงกล่อมนอนมันจะเป็นความอบอุ่นความสุขใจที่ถูกบันทึกอยู่ในจิตใจลึกๆของเขา เป็นเกราะให้เขารู้สึกอิ่มรักและไม่อยากไปในทางเสื่อมไม่อยากทำให้แม่เสียใจ
และการที่แม่ใช้หนังสือประกอบการเล่า ลูกจะรู้สึกดีกับหนังสือ รักหนังสือ และเด็กที่รักหนังสืออนาคตย่อมจะไปในทางที่ดีค่ะ ขอชื่อน้องและที่อยู่ได้ไหมคะ จะส่งหนังสือที่เหมาะกับ ป.1 ไปฝากน้องค่ะ
www.karn.tv สื่อการสอนระดับ อนุบาล - ประถมต้น (ช่วงชั้นที่ 1) รวมแบบฝึกหัด ตัวอย่างข้อสอบ กิจกรรมเพิ่มทักษะ ข้อมูลการศึกษา โรงเรียน |
มาต่อค่ะ พอดีว่าหนังสือที่ทาง es-ed สนับสนุนให้เราทำกิจกรรมในเดือนมีนาคมนี้ มีอยู่ 1 เล่มเป็นหนังสือสำหรับผู้ใหญ่ ที่น่าสนใจมาก ชื่อ 10 นาทีมหัศจรรย์ยามเช้าสร้างลูกรักการอ่าน มีหลายส่วนกล่าวไว้น่าสนใจและน่าจะเป็นแนวการปฏิบัติที่ดีได้ ก็ขอนำมาสรุปรวมและแบ่งปันต่อนะคะ
การเลือกหนังสือ และการจูงใจ ในวัยเริ่มอ่าน
1.ควรจะเลือกหนังสือที่อ่านจบได้ภายใน 10 นาที เพราะเด็กๆยังมีสมาธิไม่นานเท่าไร
หากหนังสือยาวเกินไปจะพานเบื่อการอ่านได้ เช่น นิทานเล่มบางๆ จะดีมาก
2.ทำหน้าตาให้มีความสุข ... เวลาคุณยื่นหนังสือให้ลูกอ่ะนะ อย่าลืมยิ้มแย้ม เชิญชวนกระตุ้นความสนใจ
เวลาแนะนำหนังสือให้ลูกด้วยนะคะ
3.เลือกหนังสือที่จบอย่างมีความสุข อ่านแล้วมีความจรรโลงใจสุขใจยิ้มออก เค้าจะรู้สึกว่าหนังสือสร้างความสุขให้เขาได้
4.ทำมุมหนังสือ หรือห้องสมุดให้ลูก
5.อย่างเผลอทำโทษลูกด้วยหนังสือนะคะ "โอ้ยเล่นเกมส์อะไรกันนักหน้า เลิก!เลิก!ไปนั่งเงียบๆแล้วอ่านหนังสือซะ"