โพสต์โดย amijung
amijung
amijung ยังไม่ได้ตั้งค่าประวัติส่วนตัว
สมาชิกยังไม่ได้ออนไลน์
เมื่อ ศุกร์, 27 เมษายน 2012
ใน บันทึกลูกรัก
เรื่องคุยของลูกตอนที่ 7 (ทำไมต้องมาเรียนไกลถึง ร.ร.สาธิตเกษตร พหุภาษา)
เมื่อไม่นานมานี้มีคุณแม่เพื่อนของยูริโทรมาถามว่าจะให้ลูกสาวมาเรียนที่ร.ร.สาธิตเกษตร พหุภาษาดีไหม แล้วทำไมดิฉันถึงให้ลูกมาเรียนไกลถึงที่นี่ ดิฉันก็คิดดูแล้วก็ตอบโดยไม่ลังเลเลยว่า ร.ร.นี้มันตรงใจที่สุดแล้วเอมิจังก็ เรียนมาจนจะขึ้นป. 3 แล้วยังไม่มีปัญหา มีแต่จะรัก ร.ร.นี้มากขึ้นๆ. แล้วมันตรงใจยังไงล่ะค่ะ. ถ้าจะให้พูดตรงๆตามความคิดของตัวเองไม่ได้อคติอะไรกับแนวการสอนของ โรงเรียนอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนก็ตาม แต่ที่เราเลือกที่นี่เพราะคิดว่ามันเหมาะสมกับลูกของเรามากที่สุด. เราเลี้ยงลูกมาเองโดยตลอดทำให้เรารู้ว่าลูกมีนิสัยหรือบุคลิกภาพแบบไหน เหมาะกับอะไร อย่างน้อยก็ช่วยเค้าเลือกโรงเรียนให้ก่อนในตอนที่เค้ายังตัดสินใจเองทั้งหมดไม่ได้ เหตุผลที่เลือกร.ร.นี้ให้ลูกเพราะ
1. ร.ร.นี้ถึงแม้จะไกลแต่วิ่งเส้นทางออกนอกเมือง ถึงไกลแต่ก็ยังทำเวลาให้เร็วได้ในการไปรับส่ง ไม่เหมือน ร.ร.ที่ต้องวิ่งเข้าเมืองไปผจญกับความวุ่นวายรถติด ควันเสีย อากาศเป็นพิษ ผู้คนที่มากมาย ขวักไขว่ น่าเวียนหัว
2. เชื่อมั่นในมาตราฐานการสอนของ ร.ร.สาธิตเกษตรว่า จะทำให้ลูกเราเติบโตมาท่ามกลางความมีจิตใจที่ดี เอื้อเฟื้อแบ่งปัน รู้จักวิธีการจัดการกับปัญหาในรูปแบบต่างๆรู้จักพึ่งพาตัวเองมากขึ้นคิดเป็น คิดเอง และลงมือปฎิบัติด้วยตัวเองมากขึ้น มีการทำงานเป็นทีมที่ดี และรู้รัก รู้จักเข้าจิตเข้าใจผู้อื่นมากขึ้น
3. สิ่งแวดล้อมที่ดี ปลอดภัย. สถานที่เรียนก็กว้างขวาง มีอุปกรณ์ทุกอย่างครบครัน มีทั้งสนามเด็กเล่นให้เด็กประถมถึง 2. สนามใหญ่. สนามบาสกลางแจ้งอีก 3แล้วไหนจะสนามเทนนิส สระว่ายน้ำทั้งสระลึก และสระตื้น อาคารกีฬา สนามฟุตบอลอันกว้างใหญ่ที่คุณแม่กับคุณลูกเคยทั้งเดิน ทั้งวิ่งกันจนเหนื่อย(กว้างมากๆ). บรรยากาศและอากาศที่นี่ดีมาก ห้องเรียนส่วนใหญ่ไม่ต้องเปิดแอร์. ลูกแข็งแรงขึ้นมากได้ออกกำลังกาย และไม่ต้องอยู่แต่ห้องแอร์ทั้งวัน ลมที่นี่เย็นสบาย. ดีมากเลย
4. แนวความคิดเรื่องการรับสมัครของ ร.ร.สาธิตเกษตร พหุภาษาในความคิดของคุณแม่เองก็คิดว่ามันก็ยุติธรรมดี เพราะไม่ว่าจะสอบสาธิตที่ไหนก็ตาม มักยึดถือเอาผลคะแนนที่เด็กสอบได้ในการสอบคัดเลือกแต่ละครั้ง ประมาณว่าต้องการเด็กเก่งที่ทำคะแนนได้ดีก่อน ส่วนอย่างอื่นค่อยมาคุยกันอีกที แต่ของที่ พหุภาษา ไม่ใช่แบบนั้น ตามความคิดเห็นและความเข้าใจของตัวเอง ที่นี่เน้นดูที่ความสามารถรอบตัว เฉพาะบุคคล ถ้าคุณพอจะเคยอ่านผ่านสายตามาแล้วบ้างเกี่ยวกับการพัฒนาคนที่มีอัจฉริยภาพ (ซึ่งจริงๆแล้วมีหลายด้าน.) บางด้านเราอาจจะไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าลูกเราก็อาจจะมีโอกาสฉายแววได้เหมือนกัน. ถ้าหากว่าลูกมีโอกาส มีเวทีหรือเหตุการณ์ให้เค้าได้แสดงออก ได้แสดงศักยภาพของเค้า เด็กที่นี่มีความเก่งที่หลากหลาย ไม่จำเป็นว่าจะต้องเก่งแต่ทางด้านวิชาการอย่างเดียว เด็กบางคนอาจจะเก่งเรื่องกีฬา เด็กบางคนอาจจะเก่งเรื่องการพูด บางคนเก่งทางภาษา. ร้องเพลง เต้นรำ บางคนก็เก่งทางศิลปะ การที่เราต้องไปสอบแข่งขันกันเข้าร.ร.สาธิต อย่างเอาเป็นเอาตาย สุดท้ายร.ร.ก็จะได้แต่เด็กที่เก่งวิชาการ. แต่เรื่องอื่น ความสามารถอย่างอื่นอาจจะไม่มีเลยก็ได้. ซึ่งเด็กคนที่สอบเข้าสาธิตอื่นๆที่ดังๆไม่ติดไม่ผ่านนั้น ก็ไม่ได้หมายความว่าเค้าขาดหรือด้อยประสิทธิภาพในการเรียนรู้ไปซะหมด ยังมีเด็กที่เก่งทั้งทางด้านวิชาการและเก่งอย่างอื่นไปด้วยกันที่ขาดโอกาสดี ๆที่จะได้เข้าเรียนกันทั้งหมดก็เป็นไปได้ คุณแม่มองว่าที่นี่เป็นโรงเรียนที่ช่วยขยายโอกาสทำให้เด็กที่ใฝ่เรียนใฝ่รู้และอยากเก่ง อยากแสดงศักยภาพ กล้าแสดงความรู้ความสามารถให้ได้มีที่แสดงออกอย่างกล้าหาญและถูกต้อง โดยมีอาจารย์เป็นผู้คอยชี้แนะให้. นอกจากนี้สิ่งที่ได้เจอกับตัวเองก็คือ เด็กบางคนที่คิดว่าตัวเองไม่เก่ง หรือไม่เจ๋งพอ เด็กขี้อาย ก็กลายเป็นเด็กที่กล้าแสดงออกและต่างก็เปลี่ยนแปลงพัฒนาขึ้นกันอย่างก้าวกระโดด. เหมือนเพื่อนบางคนของเอมิจังที่คุณแม่เคยเจอ จากเด็กอนุบาล. 2ที่ยังดูไม่ค่อยคล่องกับกลายเป็นเด็กที่มีความมั่นใจมากขึ้น
5. สังคมเพื่อนของลูก. ของผู้ปกครอง ด้วยความที่มันค่อนข้างจะใกล้เคียงกันและไม่แตกต่างกันมากทำใ้ห้เด็กเข้ากันได้ง่าย หรือถ้าหากจะแตกต่างแต่เราก็ไม่แตกแยกยังคงเป็นกลุ่มพ่อแม่ที่คุยได้เสมอไม่แบ่งชนชั้นว่าใครจะรวย. จะมีมากหรือน้อยกว่ากัน. และคุณเชื่อไหม ลูกชอบลืมกระติกน้ำบนห้อง ลืมของที่โต๊ะนั่งทานอาหารใต้อาคาร แต่ไม่เคยของหายสักครั้ง นักเรียนที่นี่เจอเงินหล่น. ของหล่นที่ไหนก็ต้องพากันวิ่งไปห้องประชาสัมพันธ์ หากว่าหาเจ้าของไม่เจอก็จะเอาไปหยอดตู้ทำบุญบริจาคกัน. ทุกคนถูกสอนว่าไม่ให้เอาของของคนอื่น
6. ลูกมีความรับผิดชอบและมีระเบียบมากขึ้น รู้จักคิดไตร่ตรองเวลาจะทำอะไร เริ่มมีการวางแผนมากขึ้น
แต่สุดท้ายไม่ว่าโรงเรียนจะดีอย่างไรแต่ถ้าลูกเรียนแล้วไม่มีความสุขก็คงจะไม่ใช่โรงเรียนที่ตรงใจเรา. แต่เผอิญว่าลูกชอบมากๆๆอยากไปโรงเรียนทุกวัน ไม่มีเบื่อเลย มีอะไรให้เจอ ให้ทำใหม่ ๆตลอด. ที่นี่ขึ้นชื่อว่า โรงเรียนสาธิตเพราะฉะนั้น ในส่วนตัวคุณแม่จึงคิดว่ามีแต่การพัฒนาการเรียนการสอนเพิ่มขึ้นตลอดเวลาและคงจะไม่หยุดนิ่งอยู่กับที่แน่ เพราะสมัยนี้ทุกสิ่งทุกอย่างมันเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว หากเราไม่เตรียมความพร้อมทั้งทางกาย สติปัญญา. สังคมและจิตใจแล้ว คงจะอยู่ในสังคมของเจนเนอเรชั่นใหม่นี้ได้ค่อนข้างยาก
จริง ๆแล้วยังมีความคิดเห็นอีกมากที่อยากเล่าให้ฟังถ้ามีเวลาขอมาต่อคราวหน้านะคะ ว่าทำไมดิฉันจึงมีความคิดเห็นแบบนี้ เพื่อนๆผู้ปกครองล่ะค่ะ คิดว่าโรงเรียนที่คุณเลือกอยู่ตรงใจคุณและลูกกันหรือยังค่ะ ถ้าใครมีความคิดเห็นอะไรแวะเข้ามาคุยได้นะคะ
คำค้นหา: ไม่ระบุคำค้นหา